นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัขรโรจน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ผลงานการทำงานของรัฐบาลในรอบ 100 วัน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ได้ทำให้เห็นการบริหารประเทศและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการพยายามหารายได้เข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบาย ฟรีวีซ่า ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน
อินเดียและคาซัคสถาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยแล้วกว่า 24 ล้าน เฉลี่ยวันละ 9 แสนคนต่อวัน เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนจำนวนมาก การดึงดูดจากการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอที ทั้ง Google และ Microsoft ที่จะเข้ามาลงทุน Data Center ในไทย รวมกว่า 200,000 ล้าน รวมถึงบริษัทชั้นนำอย่าง Tesla ยังคิดมาลงทุนไทย เพื่อตั้งโรงงาน EV และซัพพลายเชน สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากความพยายามและทำงานหนักของรัฐบาล
นอกจากหารายได้ รัฐบาลภายใต้การนำของ นายกเศรษฐา ยังดูแลปากท้องพี่น้องประชาชนในอีกหลากหลายมิติ ไม่ว่าเป็นการลดค่าครองชีพ ตั้งแต่ ลดราคาน้ำ-ไฟ ลดราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน 20 บาทตลอดสายรถไฟฟ้าสายสีม่วง-แดง มียอดคนใช้บริการทะลุ 100,000 คน/วัน มิติสุขภาพฉีดวัคซีน HPV ในเด็กทะลุ 1,000,000 ล้านโดส
บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกโรงพยาบาลของรัฐ มิติด้านการเกษตร นอกจากพักหนี้เกษตรกรรายย่อย ยังมีมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรปลูกข้าวไร่ละ 1,000 ดูแลราคาอ้อย 120/ตัน เจรจาเปิดตลาดการส่งออกเนื้อวัวไทยไปซาอุ มิติด้านต่างประเทศ เจราจาช่วยเหลือปล่อยตัวประกันไทยในอิสราเอล และเร่งทำข้อตกลง FTA กับประเทศต่างๆเพื่อกระตุ้นการส่งออก มิติสังคม เลิกระบบทาสยุคใหม่ด้วยการแก้ไขหนี้นอกระบบ พร้อมผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภา
นางสาวลิณธิภรณ์ กล่าวต่ออีกว่า นี้เป็นเพียงนโยบายบางส่วนที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ทำเพื่อพี่น้องประชาชน แต่ด้วยความแตกแยก ความเห็นต่างกันในเรื่องของอุดมการณ์ เลยทำให้เรื่องดีๆที่รัฐบาลทำกลับไม่ได้รับการชื่นชม สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล จึงอยากวอนให้สังคมเข้าใจ ปัญหาบางเรื่องสะสมมานาน อาจต้องใช้เวลา แต่ระยะเวลาแค่ 4 เดือน ผลงานยังมีให้เห็น ถ้าครบ 4 ปีประเทศจะเจริญขนาดไหน
“วันนี้ประเทศต้องเดินหน้า Move On มองไปในอนาคต มีเป้าหมายคือความเจริญเติบโตของประเทศ อยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันคิด เสนอทางออกร่วมกัน มากกว่าด้อยค่า และควรต้องเคารพในเสียงส่วนใหญ่ เพราะ การเมืองใหม่ที่แท้จริงต้องสร้างสรรค์ผลงาน มากกว่าการเน้นสร้างซีน “