จากกรณีที่เมื่อช่วงดึกของวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ส.ส.ต.หญิงรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ภาพและข้อความระบายความในใจและอำลาชีวิตผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงการเป็นตำรวจในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา แต่กลับทำให้เธอกลายเป็นโรคซึมเศร้า หลังพลาดถูกเพื่อนเตะหัวในค่าย จนศรีษะบวม ซ้ำหลังไปรักษากลับมา เธอยังถูกครูฝึกทำโทษหนัก พูดทำร้ายจิตใจ จนกลับไปฝึกไม่ได้อีก และยังสูญเสียความสามารถ จนกลายเป็นคนไร้ความสามารถ

ล่าสุดเวลาประมาณ 12.00 น. ของ วันนี้ (25 มี.ค.) เพื่อนสาว และแม่ของ ส.ส.ต.หญิง ก็ได้มาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชล ที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

• ตร.สั่งสอบ ปม ส.ต.ต.หญิง ถูกครูฝึกทำโทษสารพัด จนป่วยโรคซึมเศร้า!

• “บิ๊กต่าย” รุดเข้าเยี่ยม ส.ส.ต.หญิง ตอนนี้ปลอดภัยแล้วเตรียมตรวจสอบข้อเท็จจริง

เพื่อน ส.ส.ต.หญิง

โดยเพื่อนของ ส.ส.ต.หญิง ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า “ก่อนหน้านี้เพื่อนเราเป็นคนเรียนเก่ง ขยันมาก ร่าเริงสดใส ไม่มีอาการทางจิตเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนก็มาปรึกษาตลอด เราได้รับเรื่องจากคุณแม่ เราเลยเข้ามาเยี่ยมเพื่อน เพื่อนเล่าให้ฟังตามจดหมาย 7 ใบที่ได้เผยแพร่ไปตามข่าว

ตอนที่เห็นโพสต์เราก็ได้โทรหาเพื่อน ได้คุยกันเล็กน้อย เราถามว่าเป็นยังไงบ้าง เขาก็บอกว่าเขาเหมือนไม่มีคุณค่า พูดเหมือนว่าไม่อยากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยหนักเท่าโพสต์นี้ มันมาจากการฝึกโดยตรง ในส่วนนี้ตามในโพสต์เลย ทั้งโดนคำพูดเสียดสีจากที่ฝึกต่าง ๆ นา ๆ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็นึกถึงเรื่องนั้นตลอดจนเขาเก็บไปฝัน”

เมื่อนักข่าวถามว่า ส.ส.ต.หญิง เคยโดนกดดัน หรือโดยบูลลี่จากใครหรือไม่ เพื่อนสาวก็ได้บอกว่า เรื่องนี้ของไม่พูดดีกว่าค่ะ

ทั้งนี้เมื่อนักข่าวถามว่า คิดว่าการฝึกนั้นหนักไปหรือไม่? เพื่อนได้ตอบว่า “ถ้าคนร่างกายปกติเราไม่แน่ใจ แต่เพื่อนเราได้รับอุบัติเหตุมาแล้วในครั้งนั้น แทนที่จะเบา ๆ ลงหน่อย แต่ก็ยังมีการฝึกแบบให้ใช้ศีรษะซ้ำ ๆ ซึ่งอันนี้ที่พูดเป็นมุมของเพื่อนที่เราทราบมา เพื่อนมาร้องไห้กับเราบ่อย ๆ เขาตัดพ้อ ในเรื่องที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนเดิม เช่น เรียนเก่ง เป็นติวเตอร์ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เขามองว่าความสามารถของเขาลดลง ทำอะไรไม่เหมือนเดิม

เพื่อนไม่เคยตัดพ้อว่าไม่อยากเป็นตำรวจ แต่เหมือนมันสะสมมานาน 1 ปี จึงทำให้เขาไม่ไหวและโพสต์ข้อความนั้นออกมา”

แม่ ส.ส.ต.หญิง

ทางด้าน แม่ของ ส.ส.ต.หญิง ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนนี้น้องก็อยู่ในความดูแลของแพทย์ คุณหมอที่นี่น้องรักษาต่อเนื่องมาตลอด คุณหมอจิตเวชท่านก็ดูแลเป็นอย่างดี สำหรับเรื่องราวข้างในค่ายก็เหมือนที่น้องโพสต์ไว้เพราะคุณแม่ก็ไม่ได้อยู่ข้างในกับน้อง ทราบเรื่องตอนที่น้องได้บรรจุและไปฝึกที่ค่าย และมีเหตุการณ์ที่ออกไปตามข่าว แม่ก็ไม่ได้เห็นกับตาแต่น้องก็เล่าให้ฟัง สภาพร่างกาย น้องยังมีภาวะบาดเจ็บอยู่ที่ ศีรษะ มีใบรับรองแพทย์ และมีอาการซึมเศร้า

วันที่โดนที่ศีรษะ น้องเล่าให้ฟังว่าเป็นท่าฝึกที่เหมือนลุกหมอบ แม่ก็ตกใจที่ทราบว่าน้องเลือดออกในสมอง สาเหตุที่ได้ย้ายมาที่โรงพยาบาลตำรวจเพราะหมอสองท่านวินิจฉัยไม่ตรงกัน และหมอที่นี่ดูแลดี”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพอเจอเหตุการณ์แบบนี้ ยังอยากให้น้องเป็นตำรวจอยู่หรือไม่? แม่กล่าวว่า “น้องเรียน รด. มา 5 ปี น้องภูมิใจที่น้องสอบได้ เรื่องนี้อยู่ที่น้องเลยค่ะ แม่ให้สิทธิ์น้อง แม่ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด อยากให้น้องเป็นคนตอบดีกว่า

จากนั้นผู้สื่อจ่าวได้ถามต่อว่าเรื่องเกิดตั้งนานแล้วทำไมพึ่งมาเป็นเหตุวันนี้ แม่ได้กล่าวว่า น้องเหมือนมีความกดดัน มีความเครียด ด้วยความที่เป็นโรคซึมเศร้า มันก็มีภาวะที่รักษาไม่หาย น้องก็รักษาตลอด ครั้งนี้ที่เขาโพสต์คิดว่ามาจากใจ เพราะน้องเป็นคนที่จะทำอะไรต้องมาจากใจเขา

ตอนเด็ก ๆ น้องเป็นนักเรียนทุน ได้เกียรตินิยม เกรด 3.87 น้องอยากรับราชการ น้องถึงได้เรียน รด. ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก และแม่กล่าวปิดท้ายว่า “น้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจากการฝึก”