เพจนิรมิตเทวาจุติ แซะแรง น้องใบบุญ ลั่นน้องไนซ์ มีความเป็นตัวเองมากกว่า!

Home » เพจนิรมิตเทวาจุติ แซะแรง น้องใบบุญ ลั่นน้องไนซ์ มีความเป็นตัวเองมากกว่า!

น้องไนซ์ ใน้อบบุญ

ทัวร์ลงจอด! เพจนิรมิตเทวาจุติ หลังแซะแรง น้องใบบุญ พูดแค่ธรรมะตามตำรา ไม่เหมือนน้องไนซ์ที่มีความเป็นตัวเองมากกว่า!

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เพจเฟซบุ๊ก นิรมิตเทวาจุติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยระบุว่า น้องใบบุญพูดธรรมะตามตำรา เช่น ชีวิตมีเกิดเเก่เจ็บตาย พระพุทธเจ้าสอนเรื่องทุกข์และความไม่เที่ยง ฯลฯ เขาเองก็ไม่ได้สนใจที่จะเล่นสนุกแบบเด็กทั่วไปเพราะมองว่าความสนุกเหล่านั้นไม่ยั่งยืน แต่เขาอยากบวช ฯลฯ ผู้คนพากันอนุโมทนาสรรเสริญ โดยไม่พูดว่า “เขาควรกลับไปวิ่งเล่นหรือควรมีพัฒนาการแบบเด็กทั่วไป” (แบบที่ผู้คนตักเตือนน้องไนซ์) เพราะเขาเป็นชาวพุทธที่ดีที่คนไทยจินตนาการถึง ต่างกับน้องไนซ์ที่สอนธรรมะไม่ตรงตามตำรา คนไทยจึงพากันอ้างความปรารถนาดีแล้วบอกว่า น้องควรหยุดแล้วไปวิ่งเล่นใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไป

สำหรับผม น้องไนซ์มีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่า การสอนที่ออกนอกกรอบสะท้อนถึงการที่เขาคิดและพูดเรื่องอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องอิงคัมภีร์ เเละเขาก็มีภาพของเด็กซุกซนขี่คอผู้ใหญ่ ต่างกับน้องใบบุญที่แค่ท่องจำธรรมะในหนังสือมาพูด (แบบเดียวกับอดีตมหาเปรียญ ที่อ้างตำราบางส่วนมาตั้งคำถามกับคนกลุ่มเล็กๆ แต่ไม่ตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจ) ในแง่อิสรภาพทางความคิดหรือจินตนาการ น้องไนซ์เหมือนจะมีมากกว่า (ผมไม่ได้เถียงว่าผิดหรือถูก เพราะจินตนาการและศาสนาเป็นเรื่องเสรีภาพ) โชคร้ายที่น้องไนซ์เกิดในประเทศที่ไม่มีเสรีภาพทางศาสนา

ในสังคมพุทธศาสนาวัชรยาน การอ้างว่าเป็นคนนั้นคนนี้กลับชาติมาเกิดเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ (Tulku) พบเจอได้ทั่วไป ดาไลลามะเองก็กลับชาติมาเกิดของอวโลกิเตศวร การกลับชาติมาเกิดไม่ว่าจะในพุทธแบบไหนก็อาจไม่ใช่ปัญหา แม้ในเถรวาทแบบไทยเองก็มีมาก เช่น หลวงพ่อจรัญ (อดีตนายทหารพระเจ้าตาก) หลวงพ่อฤษีลิงดำ (เคยเกิดเป็นกษัตริย์ไทย) พ่อท่านลี (อดีตพระเจ้าอโศกมหาราช) ฯลฯ ที่ไม่มีปัญหาเพราะท่านอยู่ในกลุ่มของพระเถรวาทกระเเสหลักภายใต้มหาเถรสมาคม และที่สำคัญคือได้รับสมณศักดิ์จากในหลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่น้องไนซ์ไม่มี

แม้น้องไนซ์จะตอบว่า พระไตรปิฎกไม่ใช่การบันทึกทุกอย่าง เป็นเเต่เพียงข้อมูล “กำมือเดียว” ที่พระพุทธเจ้าเลือกสอน ดังนั้นจึงมีความจริงอื่นๆ อีกมากที่ไม่มีในพระไตรปิฎก อันนี้ก็ดูจะไม่ช่วย องค์ธรรมกายตั้ง “สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย” ขึ้นมาเพื่อศึกษาคัมภีร์ต่างๆ หนึ่งในเหตุผลสำคัญก็เพื่อจะยืนยันว่า “คำว่า ธรรมกาย มีอยู่ในคัมภีร์พุทธ” (ดูรายละเอียดใน ชนิดา จันทราศรีไศล, 2557) เพื่อสื่อว่าเขาไม่ใช่พวกนอกรีต

แต่ในทางปฏิบัติ เหตุผลนี้แทบไม่ช่วย คนที่รังเกียจอุบายการสอนและการหาเงินบริจาคแบบนั้นก็ยังมองเขาแบบเดิม แต่เหตุผลสำคัญ 2 อย่างที่ธรรมกายอยู่รอดมาได้คือการเเสดงให้เห็นว่าจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ผ่านการจัดพิธีถวายพระพร (MCOT, 2567) และการเข้าหาพระเถระผู้ใหญ่อยู่เสมอ ให้สังคมเห็นว่าพวกเขาเป็นสาวกที่ดีของพุทธศาสนาไทยภายใต้มหาเถรสมาคม

การที่คนไทยใช้อำนาจรัฐจัดการคนคิดต่างก็เพราะก็มีรัฐธรรมนูญรองรับ คือ “รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพุทธศาสนา และสนับสนุนการเผยเเผ่หลักธรรมของเถรวาท” (ฉบับปี 2560 มาตรา 67) ทำให้โยงได้ว่า หากใครเผยเเผ่ศาสนาผิดหลักการของเถรวาท รัฐก็ควรเข้ามาจัดการเพื่อคุ้มครองพุทธศาสนา มาตรานี้ขัดกับหลักเสรีภาพและความเสมอภาคในการนับถือศาสนา และยังมีการเหมารวมเอาว่า คนพุทธทุกคนเป็นเถรวาท ทั้งที่เขาก็เป็นพุทธเเบบอื่นๆ ได้ เขาจะเลือกเชื่อหรือไม่เชื่อส่วนไหนก็ได้ ไม่ใช่หน้าที่รัฐที่ต้องเข้าไปคุมความเชื่อและการตีความ เป็นเรื่องน่าตลกอยู่หากมีกลุ่มคนอยากเผยแผ่ศาสนาที่ต่างออกไป แล้วต้องหาทางออกด้วยการระบุไปเลยว่า “พวกเราไม่ใช่พุทธศาสนาเถรวาท” เพื่อจะได้หลุดไปจากการแทรกแซงของอำนาจรัฐ เพราะรัฐไม่ควรมีอำนาจในการเคลมว่าเป็นเจ้าของพุทธเถรวาทแต่เพียงผู้เดียว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ