วานนี้(23 สิงหาคม )ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม พิษณุโลก เป็นไปอย่างปกติ ท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์เป็นระยะๆ ถึงคำสั่ง เด้ง ผกก.เมืองนครสวรรค์ ให้มาประจำที่ ตำรวจภูธรภาค 6 แต่ยังไม่มีใครทราบว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ไปทำงานชั้น 3 ที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 หรือไม่ แต่ยืนยันเพียงว่า ผู้กำกับโจ้ได้มาเซ็นชื่อทำงานในช่วงเช้า แต่ก็ไม่สามารถระบุลงเวลาที่แน่นอนได้ ทั้งๆที่ช่วง 2-3 ปีผ่านมา ผู้กำกับโจ้ เดินเข้าออก ที่ห้องผู้บัญชาการภาค 6 บ่อยครั้ง แทบเรียกว่า เป็นเลขาฯหน้าห้อง ในยุคหนึ่งที่นั่งในตำแหน่ง รอง ผู้กำกับสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก
คำสั่ง พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 ที่มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้กำกับโจ้ ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภ.6 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริง ปมรีดเงินล้านผู้ต้องหาในคดียาเสพติด แต่พลาดท่านำถุงดำคลุมศีรษะผู้ต้องหาชายจนขาดอากาศและต่อมาเสียชีวิต โดยที่จเรตำรวจ กำลังพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ให้ความจริงปรากฏ ว่า พ.ต.อ.คนดังกล่าว ไปเคลียร์กับพ่อผู้เสียชีวิต ด้วยยอดเงินหลักล้านบาทเพื่อให้จบคดีจริงหรือไม่
- ลูกน้องแฉ ผกก.โรงพักใหญ่ เอาถุงดำคลุมหัว ขู่รีดเงินผู้ต้องหา จนขาดใจตาย
แหล่งข่าวระบุว่า ผู้กำกับโจ้ สมัยที่ทำงานเป็น รอง ผู้กำกับสืบสวน สภ.เมือง พิษณุโลก ขณะเดียวกันยังทำงานเหมือนกับเลขานุการส่วนตัวกับผู้บัญชาการภาค 6 มีการทำคดีสำคัญ อาทิ ปิดคดียิง 3 ศพ ของ คนใน สวท.พิษณุโลก เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กระทั่งนั่งตำแหน่งรองกำกับสืบสวนจนครบวาระ และ ผบช.ภาค 6 เซ็นคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.นครสวรรค์ ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังปรากฏข่าว ผู้กำกับโจ้ ยังไม่ปรากฏตัวชัดเจน ทราบเพียงว่าเช้าวานนี้ ทาง ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้เดินทางมาเซ็นชื่อลงเวลาเพื่อทำงานที่กองบัญชาการตำรวจภาค 6 แต่เมื่อสื่อขอเข้าพบปรากฏว่าไม่ได้อยู่ภายในห้องทำงานแต่อย่างใด
ขณะที่รายงานข่าวจากชุดสอบสวนแจ้งว่า ขณะนี้ชุดทำงานได้พยายามตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จากจุดเกิดเหตุเส้นทางเลี่ยงเมือง เรื่อยมาจนถึงโรงพัก สภ.เมืองนครสวรรค์ ว่าในวันเกิดเหตุมีใครจับกุมตัว นายจิระพงศ์ เหยื่อที่เสียชีวิตบนโรงพัก พร้อมภรรยามาสอบสวน และเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะประเด็น ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ไปร่วมสอบสวนผู้ตายด้วยหรือไม่
โดยมีรายงานว่าจุดที่นำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนนั้น เป็นบ้านไม้สองชั้นมีชื่อเรียกว่า “บ้านกาแฟ” ตั้งอยู่ใน สภ.เมืองนครสวรรค์ หากรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดได้ จะสามารถรู้เส้นทางการนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนและเส้นทางการนำส่งโรงพยาบาล จะทราบว่ามีใครเกี่ยวข้อง และมีหน้าทื่ทำอะไรบ้างในเรื่องดังกล่าว น่าจะใช้เวลาไม่นานนัก
ส่วนชุดสอบสวนหาข้อเท็จจริงในส่วนของจเรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.ต.ภูริวัจช พูลสวัสดิ์ ผบก.กต.6 จเรตำรวจ พร้อมด้วยชุดสอบสวนเดินทางมายังบ้านของผู้ตาย เพื่อสอบปากคำ พ.อ.อ.จักรกฤษ อายุ 57 ปี พ่อของผู้ตาย โดยภายในบ้าน ยังมี นางจันจิรา อายุ 54 ปี แม่ผู้ตาย และ นางสาวกมลวรรณ ภรรยาผู้ตายร่วมอยู่ด้วย ซึ่งเบื้องต้นชุดสอบสวนให้ทั้ง 3 คน มาสอบปากคำให้การที่ สำนักงานเทศบาลเมืองตาคลี
ปรากฏว่า พ.อ.อ.จักรกกฤษ ไม่ยอมเดินทางมาให้ปากคำที่เทศบาลเมืองตาคลี จะขอให้การที่บ้านพักเท่านั้น ซึ่งพนักงานสอบสวนจึงสอบคำให้การยังบ้านพักของบิดาผู้เสียชีวิต เบื้องต้นยังคงให้การยืนยันว่าไม่ติดใจเอาความและลูกชายเสียชีวิตเพราะมีหลายโรครุมเร้า
ต่อมาชุดสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ใช้ถุงดำคลุมหัว ได้นำตัวนางจันจิรา และ นางสาวกมลวรรณ และพยานจำนวนหนึ่งมายังสำนักงานเทศบาลเมืองตาคลี โดยนำทั้งหมดขึ้นไปยังห้องสอบสวนบริเวณชั้นสองของสำนักงานเทศบาลเมืองตาคลี โดยไม่ให้กองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากขึ้นไปเด็ดขาด เพราะมีการนำเอาตำรวจมาปิดตรงบันไดสำนักงานห้ามขึ้นเด็ดขาด
ด้านชุดสอบสวน บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นได้รับความสนใจจากประชาชน ผู้บังคับบัญชาจึงกำชับให้ทำหน้าที่อย่างรอบครอบ เบื้องต้นได้แยกห้องสอบสวน แม่ และ ภรรยา ผู้ตาย แยกสอบคนละห้อง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงบางประการ ไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมไปถึงยังสอบปากคำพยานบางส่วนที่ แม่ และภรรยา ต้องการให้สอบประกอบข้อเท็จจริง ส่วน พ่อของผู้ตายไม่สะดวกที่จะเดินทางมาร่วมให้ปากคำที่สำนักงานเทศบาลเมืองตาคลีได้ จึงได้สอบปากคำที่บ้านพักเรียบร้อยแล้ว
เบื้องต้น จากการสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง พล.ต.ต.ภูริวัจช ได้เดินลงมาจากห้องที่ใช้สอบสวน จึงทำให้กองทัพผู้สื่อข่าวที่ปักหลักรออยู่ รีบเข้าไปสอบถามทันที่ โดยผู้สื่อข่าวหลายรายต่างพยายามสอบถามรายละเอียดในการสอบปากคำนางจันจิรา และนางสาวกมลวรรณ แต่ก็ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า ขณะนี้ การสอบปากคำยังไม่เสร็จกระบวนการ จากก็รีบเดินขึ้นรถออกไปทันที่ ซึ่งในระหว่างนั้น เป็นช่วงที่กองทัพนักข่าวกำลังรุมล้อมเพื่อสัมภาษณ์ พล.ต.ต.ภูริวัจช จึงทำให้ตำรวจอีกชุด รีบพาตัวนางจันจิรา และนางสาวกมลวรรณ แอบบออกทางประตูด้านหลังสำนักงานเทศบาล ก่อนจะรีบพาขึ้นรถที่จอดรอแล้วรีบขับพาออกไปทางประตูด้านข้างทันที