เปิดใจ ผู้อำนวยการและครูประจำชั้นนักเรียน ป.2 เจ้าของไอเดียมอบเกียรติบัตรสุดน่ารักให้เด็กๆ พร้อมเผยโฉม “น้องปลาคาร์ฟ” เด็กขุดปูนาเก่ง
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ราชวัตร ป้องนางไชย ที่เป็นครูของโรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ และเพจโรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ ได้โพสต์ภาพครูของโรงเรียน พร้อมนักเรียนที่ได้รับมอบเกียรติบัตรที่ทางโรงเรียนมอบให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยบอกว่าเป็นเกียรติบัตรที่มอบให้นักเรียนที่ทำความดีต่างๆ แต่ที่ผู้พบเห็นต่างอดอมยิ้มตามไม่ได้ คือ เกียรติบัตรเป็นนักเรียนที่ขุดปูนาเก่ง
โพสต์ดังกล่าวทำเอาชาวเน็ตเข้ามาชื่นชมถึงแนวความคิดของทางโรงเรียนและครูเป็นจำนวนมาก มีทั้งบอกว่าเป็นเกียรติบัตรที่น่ารัก น่าชื่นชม เป็นกำลังใจแก่นักเรียนที่ดีมาก ไม่จำเป็นที่จะให้นักเรียนต้องมาแข่งขันกัน เป็นความดีที่มาจากจิตใจจริงๆ ไม่ได้ทำเพื่ออยากได้รางวัล โดยโพสต์ดังกล่าวมียอดกดไลค์กว่า 14,000 ครั้ง และมีการกดแชร์มากกว่า 18,000 ครั้ง
- เกียรติบัตรสุดปัง โรงเรียนมอบเกียรติบัตรทำดีตั้งแต่จับปูนาเก่ง ยันเป็นดีเจให้โรงเรียน
ล่าสุด วันนี้ (31 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ บ้านค้อ ต.เชือน้ำ อ.บ้านผือ ที่ทางโรงเรียนยังไม่ปิดภาคเรียน และมีการซ้อมเดินขบวนพาเหรดของนักเรียน เพื่อร่วมกิจกรรมแข่งกีฬาของกลุ่มโรงเรียน โดยมี นายไชยเลิศ ผดุงเวียง ผอ.โรงเรียน พร้อมคณะครูของโรงเรียน และ นายราชวัตร ป้องนางไชย ครูประจำชั้นประถมปีที่ 2 ดูแลการซ้อมขบวนพาเหรด โดยในขบวนซ้อมพาเหรด มีนักเรียนของชั้นประถมปีที่ 2 ที่ได้รับเกียรติบัตร ร่วมซ้อมขบวนพาเหรดอยู่ด้วย
หลังจากซ้อมเสร็จ นายไชยเลิศ และนายราชวัตร ได้นำ ด.ช.ธนกฤต เนาวเพ็ชร หรือ น้องปลาคาร์ฟ อายุ 8 ขวบ และเพื่อนๆ ไปแสดงวิธีการขุดปูนาให้กลุ่มผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าวได้ดู โดยน้องปลาคาร์ฟ พร้อมพี่ชาย คือ ด.ช.วิชากร เนาวเพ็ชร หรือ น้องเค อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 ได้นำเสียม และถังสำหรับใส่ปูนา นำออกไปหาปูนา
โดยสังเกตจากรูกลางที่นา ที่มีรอยตีนปูที่ปากรู จากนั้นจึงใช้เสียมขุดดินลงไปลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ถ้ารูนั้นมีปูอยู่ก็ใช้มือจับปูออกมา ถ้าไม่เจอปูก็หารูใหม่ ทำแบบนี้ไป โดยวันนี้ น้องปลาคาร์ฟ พร้อม น้องเค พี่ชาย และเพื่อนๆ สามารถขุดรูจับปูนาได้ 2 ตัว
ด.ช.ธนกฤต เนาวเพ็ชร หรือ น้องปลาคาร์ฟ ที่มีท่าทีเหนียมอาย ไม่ค่อยพูด ตอบแบบถามคำตอบคำว่า ได้รับเกียรติบัตรขุดปูนาเก่ง เพราะว่าชอบไปขุดปูนา เวลาขุดก็จะเอาไปขาย แล้วได้เงินมาก็จะเอาซื้อขนมกิน และก็เอาเงินแบ่งเก็บด้วย ซึ่งขายตัวละ 1 บาท
โดยคนที่สอนให้ขุดก็จะเป็นพี่ชายชื่อเค เรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน โดยเวลาไปหาปูจะออกไปหากับพี่ชายหลังจากเลิกเรียน และปูนาที่ได้มาบางครั้งก็เอามากินอร่อยดี ซึ่งโตขึ้นน้องปลาคราฟอยากที่จะเป็นทหารครับ
ด้าน นายไชยเลิศ ผดุงเวียง ผอ.โรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ เปิดเผยว่า แนวคิดที่มอบใบประกาศเกียรติคุณให้นักเรียน เพราะที่ผ่านมาคิดว่า เด็กส่วนใหญ่แล้วจะได้แต่ใบประกาศนียบัตรเรียนดี แข่งกีฬา ที่มีส่วนน้อยที่จะได้ จนมีการพูดคุยกับคณะครูในโรงเรียนว่า มีเด็กบางคนที่ไม่ได้ใบประกาศอะไรเลย ควรกระตุ้นเด็กให้ได้ทำความดีด้วยการได้รับใบประกาศเกียรติคุณ ที่เราเน้นเด็กให้มีคุณธรรม จริยธรรม
จนเมื่อไม่นานหลังเด็กสอบเสร็จ ตนเห็นแฟ้มมาวางเพื่อเซ็นชื่อของครูชั้น ป.2 ที่เป็นการเซ็นอนุมัติใบประกาศเกียรติคุณ ตนอ่านเห็นมีการแบ่งปันมัน ช่วยเพื่อน ช่วยครอบครัว จึงเซ็นชื่อไป เพราะมีความคิดว่าอยากเป็นกำลังใจให้เด็ก และใบประกาศก็ใบละไม่กี่บาท
“พอเด็กได้รับทุกคนก็ดีใจ พอเด็กรู้ว่าวันนี้จะมีคนมาทำข่าวก็ยิ่งดีใจใหญ่ ซึ่งช่วงแรกนี้เป็นนักเรียนชั้น ป.2 ทุกคนที่ได้รับใบประกาศเกียรติคุณนี้ แต่นักเรียนชั้นอื่น ครูก็คงเริ่มทยอยทำ ส่วนข้อสังเกตที่เด็กแต่ละคนได้รับใบประกาศเกียรติคุณ อยู่ที่ครูประจำชั้นของเด็ก ที่เขาจะทราบว่าเด็กแต่ละคนเป็นอย่างไร รวมทั้งเรามีกิจกรรมเยี่ยมบ้านนักเรียนคลุกคลีกับเด็กอยู่แล้ว
โดยผมบอกครูทุกคนว่า นอกจากการสอนใครมีไอเดียความคิดดีๆ ก็ขอให้ทำกับเด็กเพื่อให้เขามีความสุข เป็นเรื่องที่ครูประจำชั้นแต่ละชั้น เอาใจใส่เด็ก เขาจะรู้ว่าเด็กคนไหนมีอะไรพิเศษ ส่วนเด็กชั้นอื่นๆ ก็รอที่จะทำเป็นรายบุคคลเช่นกัน” ผอ.โรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ ระบุ
ส่วน นายราชวัตร ป้องนางไชย หรือ ครูบอม ครูประจำชั้น ป.2 เจ้าของไอเดียมอบเกียรติบัตรสุดน่ารัก เปิดเผยว่า แนวคิดที่ได้เป็นแนวคิดของทาง ผอ. ครูจึงเอามาขยายผล เพราะว่าคุณธรรมนำความรู้ ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่สังคมต้องการในช่วงนี้ เลยเอามาเป็นแนวคิด
โดยตอนแรกจะมีการสังเกตเด็กแต่ละคนตั้งแต่เทอมที่ 1 แล้วเทอมที่ 2 ก็เริ่มขมวดความคิดว่าแต่ละคนเด่นในเรื่องอะไรบ้าง เพราะทุกคนจะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน โดยจะเลือกเอาที่เด่นที่สุด เพื่อที่จะให้สังคมได้รู้ หรือพ่อแม่คนใกล้ตัวได้รู้
พอรู้ตรงนี้แล้วยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องถามเพื่อนว่าคนนี้ทำแบบนี้จริงหรือไม่ เพื่อนเค้าจะรู้ดีที่สุด เพื่อการันตีได้เลยว่า คนนี้เต้นเก่ง คนนี้ร้องเพลงเก่ง คนนี้ขุดปูนาเก่ง คนนี้ลายมือสวย ตรงนี้จึงออกมาเป็นเกียรติบัตรนี้ได้
“ส่วนเรื่องขุดปูนนาของน้องปลาคาร์ฟ เด็กคนนี้พูดน้อยขี้อาย ผมได้ดูแล้วว่า ตัวเค้าจะมีการทำความดีอะไรบ้าง จึงไปถามเพื่อนๆ เขา จึงทราบว่าน้องปลาคาร์ฟไปขุดปูนาและเอาไปขายได้เงิน 20 บาท ผมจึงไปสอบถามและทราบว่าไปขุดกับพี่ชาย จึงคิดว่าขุดปูนานี้แหละที่ทำได้ดีที่สุด จึงเป็นแนวคิดให้ในการมอบเกียรติบัตรนี้” ครูบอม ระบุ
ครูบอม บอกอีกว่า ส่วนเพื่อนคนอื่นก็มีความสามารถของแต่ละคนอยู่แล้ว ทั้งร้องเพลงเก่ง เขียนหนังสือสวย ถ้าจะเอาไปขุดปูนาก็คงจะทำไม่ได้ จึงต้องเอาความเป็นตัวตนจริงๆ และเท่าเทียมกันหมด
ซึ่งทางท่าน ผอ.ให้นโยบายมอบเกียรติบัตรนี้ทุกคน โดยแทบจะไม่ซ้ำกัน เช่น มีนักเรียนคนหนึ่งนำมันนึ่งมาให้ครู ตนก็จะจดเอาไว้ว่านี่คือ เรื่องที่จะเอาไปพิจารณา โดยปกติจะยึดหลักคุณธรรม แต่ตนจะใช้จริยธรรมมากว่า คุณธรรมจะอยู่ในจิตใจมองไม่เห็น แต่จริยธรรม คือการกระทำลงปฏิบัติทำซึ่งจะเห็นชัดเจนมากกว่า
“ในส่วนที่โลกโซเชียลแชร์ภาพกิจกรรมของโรงเรียน จนคนรู้จักกันทั่วไปแล้ว ทีแรกนั้นผมไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงเอาลงไปเฟซบุ๊กของตนเองและของโรงเรียน เพราะคิดว่าจะมีคนสนใจเยอะ จึงเอากิจกรรมนี้เป็นแนวคิด เผื่อเพื่อนหรือใครจะเอาไปเป็นไอเดีย ซึ่งเมื่อนำลงไปแล้วผมก็ตกใจ ที่มีคนแชร์ไปจำนวนมาก ผมก็ดีใจและยินดี ถ้าใครอยากจะได้ไฟล์ก็ยินได้ให้ เพื่อเป็นแนวทางให้โรงเรียนอื่นได้” ครูบอม กล่าวปิดท้าย
ด้าน ด.ญ.พิรญาณ์ พรมสรรค์ หรือ น้องอิ้งค์ นักเรียนที่ได้เกียรติบัตรกล้าแสดงออก และเป็นวีเจน้อย บอกว่า ได้รับเกียรติบัตรเป็นคนกล้าแสดงออก และดีเจน้อยดีเด่นประจำโรงเรียนก็รู้สึกดีมาก และเอาเกียรติบัตรนี้ไปเก็บใส่ตู้ไว้ที่บ้าน ซึ่งพ่อแม่ทราบเรื่องก็รู้สึกรักและดีใจด้วย
ส่วนที่ตนคิดอยากเป็นดีเจก็เพราะสนุกดี และกล้าแสดงออก เพื่อโตขึ้นอยากทำอีก ซึ่งโตขึ้นตอนแรกที่คิดไว้ก็จะเยอะไปหมด เช่น เรียนนาฏศิลป์ เป็นนักร้อง เป็นแดนเซอร์ แล้วก็อยากเปิดร้านขายส้มตำน้ำปั่น
“โดยบางครั้งก็จะพากันมาหัดเต้นกับเพื่อน ส่วนท่าเต้นก็จะเป็นหนูที่คิดท่าเต้น โดยไปหาดูมาจากในโซเชียลต่างๆ แล้วเห็นว่าน่าจะทำเองได้ ก็เลยเอามาฝึกแล้วมาสอนเพื่อนๆ ในส่วนการเป็นดีเจหนูก็มาเปิดเพลงแล้วก็พูดสาระความรู้ต่างๆ โดยสาระความรู้ก็เอามาจากอาจารย์แล้วก็เอามาพูดบอกต่ออีกที” น้องอิ้งค์ ระบุ