เผยต้นตอ! จัสติน ลิน ถอนตัวกำกับ Fast 10 เพราะ วิน ดีเซล ไร้วินัย ไม่จำบท มากองถ่ายสาย ไม่มืออาชีพ

Home » เผยต้นตอ! จัสติน ลิน ถอนตัวกำกับ Fast 10 เพราะ วิน ดีเซล ไร้วินัย ไม่จำบท มากองถ่ายสาย ไม่มืออาชีพ

ตัวปัญหาเจ้าเดิม สมคำร่ำลือ เผยสาเหตุ จัสติน ลิน ถอนตัวกำกับ Fast 10 เพราะ วิน ดีเซล ไร้วินัย ไม่จำบท ไร้ความเป็นมืออาชีพ

สืบเนื่องจาก จัสติน ลิน ผู้กำกับ Fast & Furious ได้ประกาศถอนตัวจากการเป็นผู้กำกับ ซึ่งก็ยังไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ถอนตัว โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุ ทั้งๆที่ จัสติน ลิน อยู่กับ ภาพยนตร์แฟนไซน์ Fast & Furious มาเป็น10 ปี กับกับมาแล้วมาแล้ว 5 ภาค นับตั้งแต่ The Fast and the Furious: Tokyo Drift (2006), Fast & Furious (2009), Fast Five (2011), Fast & Furious 6 (2013) และ F9 (2021)

vindiesel

vindiesel

ล่าสุดดูเหมือนว่าต้นตอสาเหตุนั้นจะไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าเก่า เจ้าเดิม หัวหน้าครอบตัว วิน ดีเซล เจ้าของบท โดมินิก โทเรตโต้ คนนี้นี่เอง โดยทางโปรดิวเซอร์อาวุโสรายหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Fast 10 ได้กล่าวถึง จัสติน ลิน และ วิน ดีเซลว่า “ ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน จัสติน ลินถึงกับยอมสละเงิน 10 หรือ 20 ล้านดอลลาร์ เลย (ยอมเสียค่าตัวเพราะไม่อยากทำงานกับวิน ดีเซล) เพราะ วิน ดีเซล ไร้วินัย ไม่ท่องจำบทมากองถ่าย หนำซ้ำยังมาสายอีก “

universal studios

ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนออกมาพูดเกี่ยวกับประเด็นการทำงานของ วิน ดีเซล เพราะก่อนหน้านี้ ดเวย์น จอห์นสัน ผู้รับบท ลุค ฮ็อบส์ ที่มีบทบาทใน Fast & Furious ภาค 4-8 ก็ได้มีเรื่องราวใหญ่โตกันกับ วิน ดีเซล เกี่ยวกับเรื่องการทำงานไม่มืออาชีพของเขา จนบอกลา Fast & Furious ภาคหลักไปอยู่ในภาคแยก Hobbs & Shaw ประกบคู่ เจสัน สเตธัม แม้ภายหลัง วิน ดีเซล จะโพสต์ไอจี ตามง้อ ดเวย์น จอห์นสัน ให้กลับมาใน Fast 10 แต่ก็ไม่เป็นผล

universal studios

ทั้งนี้ทางค่ายยูนิเวอร์แซลจะต้องสูญเงินวันละ $600,000 ถึง $1 ล้าน สำหรับการที่นักแสดงและทีมงานต้องสแตนด์บายรอในกองถ่ายที่เกิดความล่าช้าเหตุที่ผู้กำกับคนใหม่มากุมบังเหียนแทนจัสติน ลิน ซึ่งตอนนี้ได้มีการแชร์คลิปสีหน้าของผู้กำกับ จัสติน ลิน ที่ดูไม่โอเคกับ วิน ดีเซล แต่ไม่ได้พูดออกมาเป็นคลิปโปรโมตการเปิดกล้องที่ ชาวเน็ตต่างบอกว่าเต็มไปด้วยความในใจเป็นหมื่นล้านคำของจัสตินจริงๆ

View this post on Instagram

A post shared by Vin Diesel (@vindiesel)

ขอบคุณข้อมูล nydailynews

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ