‘เปิ้ล นาคร’ เล่าตอนเป็นนักเรียน ในคลาสที่ ‘ชัชชาติ’ มาบรรยาย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

Home » ‘เปิ้ล นาคร’ เล่าตอนเป็นนักเรียน ในคลาสที่ ‘ชัชชาติ’ มาบรรยาย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว


‘เปิ้ล นาคร’ เล่าตอนเป็นนักเรียน ในคลาสที่ ‘ชัชชาติ’ มาบรรยาย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

‘เปิ้ล นาคร’ เล่าตอนเป็นนักเรียน ในคลาสที่ ‘ชัชชาติ’ มาบรรยาย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม พร้อมแสดงความยินดีกับ ผู้ว่าฯกทม. คนใหม่

23 พ.ค. 2565 – “เปิ้ล” นาคร ศิลาชัย นักแสดงคนดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ ถึงการพบกันครั้งแรก โดยมีใจความดังนี้

เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสเข้าลงเรียนคอร์สที่มีชื่อว่า ABC ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม คอร์สนี้จะเป็นคอร์สที่คนลงเรียนส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ จะได้มาเรียนรู้ได้ทำ Workshop ได้ฟังผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการบริหาร ธุรกิจ ศิลปะ จากคนเก่งเบอร์ต้น ๆ จากทั่วประเทศ

วันหนึ่งได้มีโอกาสรู้จักกับผู้ชายที่ชื่อ ชัชชาติ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้จักเลยว่าเค้าคือใคร รู้แต่ว่าเป็นนักธุรกิจนักบริหารที่ประสบความสำเร็จตามที่ทางคอร์สที่แจ้งมา สิ่งที่ผู้ชายที่ชื่อ ชัชชาติ ต้องมาเล่าให้กับนักเรียนในคอร์สวันนั้นฟังคือ เรื่องของภาวะการเป็นผู้นำหรือ leadership เราก็กะว่าคงเป็นเหมือนการทอล์คแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จท่านอื่นทำ แต่กลับไม่ใช่

ชัชชาติ ไม่ได้พูดถึงเรื่องของหลักการใด ๆ ในการเป็น leadership เลย แต่กลับเล่าอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของภาวะวิกฤตที่ยากที่สุดในชีวิต ที่กว่าเค้าฝ่าฝันและจัดการกับมันไปได้ นั่นก็คือเรื่องของลูกชายสุดที่รัก ที่เกิดมาแล้วเมื่อตอนอายุ 1 ขวบ ค้นพบว่าเป็นเด็กที่ไม่สามารถรับรู้ทางการได้ยินได้ นั่นหมายความว่าจะเป็นใบ้ไปตลอดชีวิต เราก็นั่งฟังด้วยความสงสัยว่าเกี่ยวอะไรกับ leadership

แกก็เล่าไปเรื่อย ๆ ว่าครั้งนั้นเองทำให้เกิดการตัดสินใจแบบเปลี่ยนชีวิต หลังจากที่เขาทำธุรกิจประสบความสำเร็จมาหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่บริหาร เรื่องการเมืองที่ทำ เขาประสบความสำเร็จมาหมด ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงขาขึ้นในชีวิตผู้บริหาร แต่กลับเลือกหยุดงานทั้งหมดเพื่อมาจัดการกับวิกฤติในชีวิตครอบครัวที่ตอนนั้นเขาทุกข์ใจมาก

เขาบอกว่า การเป็นผู้นำต้องมีการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในทุกภาวะวิกฤติว่าเราจะเลือกจัดการกับวิกฤติที่เกิดขึ้นในชีวิตอะไรเป็นอันดับแรก สิ่งหนึ่งที่ตัดสินใจคือการเลือกที่จะออกจากงานทุกอย่าง แล้วมาจัดการกับสิ่งที่ตัวเองรักที่สุดในชีวิต

เขาเริ่มพาลูกไปทำการรักษากับหมอที่ดีที่สุดที่ประเทศออสเตรเลีย ยกไปอยู่กันทั้งครอบครัว เพื่อจัดการกับวิกฤติในชีวิตนี้ผ่านมันไปให้ได้ ทางคุณชัชชาติเองก็เริ่มเรียนรู้ร่วมศึกษาต้นตอปัญหาไปกับหมอร่วมรักษาให้ลูกได้รับรู้ได้ฟังได้พูดเหมือนคนปกติทั่วไปให้ได้ พ่อแม่ต้องมุ่งมั่น อดทนมันทรมานมากในการจัดการต่อสู้กับธรรมชาติซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

หลาย ๆ สิ่งที่ท่านพูดในชั่วโมงนั่นมันมีมากกว่าที่เราจะบรรยายได้ทั้งหมด การที่จะต้องอดทนทุกวัน ทุกวัน ทำงานอย่างหนัก และต้องไม่ท้อถอย เป็นเดือนเป็นปี ในการที่ต้องทำตามที่คุณหมอบอก จนในที่สุดลูกชายแสนดีก็กลับมาได้ยินเหมือนคนปกติทั่วไป แล้วได้เข้าเรียน ที่ University of Washington สหรัฐอเมริกา นั่นหมายความว่าวิกฤติที่สุดในชีวิตของเค้า เค้าได้จัดการกับมันได้ สิ่งที่เขาสอนเราในวันนั้นคือภาวะการเป็นผู้นำต้องสู้ จัดการกับทุกวิกฤติ เรียงลำดับความสำคัญก่อนที่จะลงมือทำเป็นขั้นตอน นี่คือวิสัยทัศน์ของผู้ชายที่ชื่อชัชชาติ เมื่อ 7 ปีที่แล้วที่เรามีโอกาสรู้จัก แล้วก็เป็นตัวอย่าง เป็นต้นแบบของการเป็นผู้นำครอบครัวให้กับเรา

เชื่อว่า สิ่งที่ท่านกำลังจะทำต่อจากนี้ไป น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรจะใหญ่ไปกว่าพลังแห่งความรักที่ท่านทำให้กับคนที่รักที่สุดมาแล้ว

หลังจากที่ท่านเล่าเรื่องทั้งหมดจบท่านชัชชาติก็ได้ลุกขึ้นพร้อมผายมือไปหลังห้องแล้วพูดว่า” และวันนี้ผมยินดีมากที่ได้พูดเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้ทุกคนได้ยินไปพร้อม ๆ กันกับแสนดีลูกชายของผมที่มานั่งร่วมรับฟังเป็นครั้งแรกอยู่ในห้องนี้ด้วย

แล้วแสนดีก็วิ่งลงมากอดพ่อพร้อมตีมือกันแบบฮิปฮอปที่หน้าห้อง พร้อมกับทุกคนลุกขึ้นยืนโดยมิได้นัดหมาย เสียงปรบมือ

และน้ำตาของเราและหลาย ๆ คนในห้องต่างไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ขอแสดงความยินดีกับพี่ชัชชาติ
ผู้ว่าคนใหม่ของพวกเราชาวกทม.

นักเรียนคนนึงในห้องเรียน ABC……นาคร ศิลาชัย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ