เปิ้ล จารุณี โดนคนในครอบครัว กระทืบอ่วม อดีตช้ำ บ้านไม่ส่งเรียน ทำงานตั้งแต่อายุ 12 ปี
เปิ้ล จารุณี – นักแสดงมากความสามารถ เจ้าของฉายาราชินีนักบู๊ของเมืองไทย ที่วันนี้จะมาเล่าถึงเรื่องสุดช้ำใจโดนคนในครอบครัวกระทืบ จนต้องพักรักษาตัวนานเกือบเดือน รับเคยคิดน้อยใจชะตาตัวเอง เผยเส้นทางการเข้าวงการบันเทิงเพราะอยากหาเงินเลี้ยงครอบครัว ทำงานหนักในวงการ
หลังหมดสัญญาได้เงินติดตัว 60,000 บาท กดดันจนทำร้ายตัวเอง เผยประสบการณ์เฉียดตายตอนถ่ายละครจนเป็นข่าวดัง ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ ธัญญ่า ธัญญาเรศ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เมื่อไม่นานมานี้ถูกทำร้ายร่างกาย? พี่เปิ้ล : อันนี้เป็นเรื่องรันทดที่สุดในชีวิต ถูกทำร้ายร่างกาย เป็นคนใกล้ชิดเป็นคนในครอบครัว ซึ่งเราดูแลเขามาตั้งแต่ข้าวเม็ดแรก เราไม่คิดว่าวันนึงเราจะมาถึงที่ถูกกระทืบ พี่ทำงานไม่ได้ มันเป็นคดีอาญา ป่วย 22 วัน เราต้องขอลาละคร ส่งแผล ผลการตรวจต่างๆ ให้ดู เราถูกกระทืบบนอกบนลิ้นปี่ เราไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ป้องกันตัวเองได้
แรกๆ ที่โดนก็ยังพอเดินได้ แต่พอเราขับรถจากต่างจังหวัดมากรุงเทพก็ไม่ไหวค่ะ เลยต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ทานอาหารไม่ได้ทานแล้วอาเจียน ก็ไปส่องกล้องมีผลในกะเพาะเลือดออก ก็ทำการรักษา เรื่องราวต่อเนื่องมาเป็นปีค่ะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเจอกันแบบธรรมดา
แต่เราตะโกนทัก คำที่เขาตอบกลับมาเรียกเราว่ามัน เราก็ตกใจเราบอก ทำไมละมึง เขาพูดกับเราอย่าไปพูดกับมัน เราตอบกลับไปทำไมละมึง จากนั้นเขาอยู่ท้ายรถจากรถเข้ามาเราพร้อมกับคำพูดที่ว่าขอทีเดียว เรายังติดสายอยู่ถือโทรศัพท์อยู่เลย เขาบอกว่าเราหาเรื่อง แล้วก็ตะโกนด่าเขามากมาย เขามีพยานเท็จเป็น 10 กว่าคน มันเป็นร้ายก๋วยเตี๋ยวด้วย
เขาบอกว่าเราหาเรื่องเขาก่อน ถ้าเราจะไปทำเขาก่อน มันเป็นไปไม่ได้เพราะพี่โทรศัพท์อยู่กับหุ้นส่วน พอพี่โดนเราเอามือยันอัตโนมัติ แล้วโทรศัพท์หล่นแต่โทรศัพท์ไม่ได้ถูกตัด พี่มีพยานคนเดียว ไม่งั้นพี่ไม่มีเส้นสายที่ไหนเจอพยานเท็จเข้าไป 11 คน พี่ต้องตายแน่ๆ พี่ผ่านตรงนั้นมาด้วยความรู้สึกร้าวราน
ปมเรื่องคืออะไร ทำไมมาทำร้ายขนาดนี้? พี่เปิ้ล : มันอาจจะยาวนานมาในจิตใจของเขา เพราะความต่างของอายุต่างกันรอบนึง 12 ปี เขาก็จะถูกโอบอุ้มดูแลในครอบครัว เราทำงานนอกบ้าน ความผูกพันในบ้านเฉพาะวันไหนที่ได้หยุด คือน้อยมาก มันก็กลายเป็นอีกกันข้างหลังแล้วเราก็โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวทำงาน สรุปได้ว่ามันเป็นเรื่องผลประโยชน์
ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก? พี่เปิ้ล : ก่อนหน้าที่เราจะถูกทำร้าย เราเคยผลักเขาออกไปได้ เพราะเขาดื่มเบียร์ วันนั้นที่เขาจะทำร้ายเรา อีกคนนึงเราเลี้ยงดูมาเหมือนกันตั้งแต่ข้าวเม็ดแรก ปัจจุบันคนนี้ทำให้เราไม่กล้าเข้าบ้าน เพราะเราได้ยินจากกล้องวงจรปิดว่า ถ้าเขาจะทำ เขาไม่ทำเหมือนอย่างเดิมนี่หรอกจะเอาให้โดดเดี่ยวเลย จะเอาให้มันเป็นอัมพาต นี่คือคนที่เราเลี้ยงเขามาตั้งแต่ข้าวเม็ดแรกนะ เราไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไงค่ะ แต่ตำพูดของเขาได้ผลคือเราไม่กล้าเข้าบ้านอีก เราก็ต้องอยู่ให้ได้คนเดียว
ในการดูแลครอบครัวมาจากน้ำพักน้ำแรงพี่เปิ้ล? พี่เปิ้ล : เราทำงานตั้งแต่อายุ 12 พอที่บ้านไม่ให้เรียนแต่เราอยากเรียน ในเวลาเดียวกันเราเห็นที่บ้านลำบาก ก็ยังตัวเล็กกะจองอแแงกันอยู่ เราก็เริ่มหางานทำ ที่ให้ได้เงินมากขึ้น แล้วมาเจอข่าวรับนักแสดง เราก็เอาเพราะคิดว่ารายได้ดีกว่าแบกปูน สมัครเป็นแบบเตะต่อยไป รอบแรกเขาก็ไม่ได้เลือก แต่เขาก็ไปรื้อใบสมัครมาดู เราก็ถูกเรียกไป ตอนนั้นอายุ 14-15
ตอนที่ดังมากอายุเท่าไหร่? พี่เปิ้ล : ก็ 17 บ้านทรายทอง ตอนนั้นก็ทำตัวไม่ถูก บทมันส่งความพร้อมขององค์ประกอบปัจจัยทั้งหมดไม่ใช่พี่คนเดียว
จุดเริ่มต้นคืออยากหางานที่มีรายได้เยอะมาเลี้ยงทุกคน แต่ตอนที่โดนรุมกระทืบแล้วต้องออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวความรู้สึกเป็นยังไง? พี่เปิ้ล : ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว ไม่แค้นค่ะ เสียใจอยู่แล้ว เป็นเราระวังตัวมากกว่า เพราะเขาขู่อาฆาตเราอยู่
ทำไมไม่ใช้สื่อเพื่อพูดออกไป? พี่เปิ้ล : เพราะมันเป็นเรื่องครอบครัวไงค่ะ คำตัดสินของพี่จบแล้วโดยผู้ที่ทำร้ายเรา ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเรามีอะไรบ้าง เขาพยายามเอาพรรคพวก ได้พยานเต็มเลย ใส่ความเรามา พอไปถึงศาลเรามีคลิปวีดีโออยู่ชายคาบ้าน ว่าเรายืนนิ่งๆ เฉยๆ แล้วคุณแถเข้ามา ด้วยหลักฐานที่เรามีพร้อม เลยจบด้วยรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ก็ชดใช้ ไม่มีการขอโทษไม่มีการไหว้ เขาบล็อกเรากันหมด เขาตัดเรา
ทุกวันนี้ระแวงขนาดไหน? พี่เปิ้ล : ก็คอยดูแลตัวเองเฉยๆ ค่ะ เพราะว่าจริงๆ จะว่าเราอ้างว่างโดดเดี่ยวอะไรก็ไม่ใช่ เราก็มีครอบครัวของบริษัท ถ้าเราเจอคนที่เห็นอกเห็นใจเข้าใจก็เป็นครอบครัวใหม่ของเราได้
ผลตัดสินออกมาพอใจไหม? พี่เปิ้ล : พอใจค่ะจากตอนแรกที่เขามีพยานเยอะแยะไปหมด เรารู้สึกเราไม่มีเส้น เราคนเดียว เราไม่มีเสียงอะไรเลย เรามีคนที่เป็นพยานเดียวของเรา หลักฐานจากกล้องคือที่เราติดไว้เมื่อก่อนมีฆาตกรต่อเนื่อง
แล้วก็มีเงินหายตลอด เราก็ติดด้วยความหวังดี แต่ความหวังดีมันกลายเป็นร้ายกลายเป็นจับผิดชั้น ตรงโน้นก็กล้องตรงนี้ก็กล้อง เค้าเป็นทีมกันตั้งแต่แรกเราทำงานนอกบ้าน
มาออกรายการวันนี้ต้องยิ่งระวังตัวมากขึ้น? พี่เปิ้ล : วันนี้แหละค่ะ ที่โชคดีต้องขอบคุณรายการด้วยนะคะ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่พี่อยากพูด เรื่องครอบครัวสำคัญมากๆ ถ้ากฏหมายไม่ดูแลได้ดีเพียงพอก็ไม่ทำให้สังคมมีความสุขได้พี่รู้สึกแบบนั้น
ตอนนี้อโหสิกรรมให้ทุกคนในครอบครัว? พี่เปิ้ล : อโหสิหมดเลยค่ะ แต่เรายังกลัวกับคำที่เขาพูดอาฆาตไว้ มีแค่เรื่องระวังตัวอย่างเดียว เรื่องอาฆาตแค้น เราให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม เราไม่ได้เป็นฝ่ายทำเขา เขาเป็นฝ่ายตัดเรา
น้อยใจโชคชะตาตัวเองบ้างไหม? พี่เปิ้ล : เคยค่ะ เพราะว่าเรื่องของพี่แปลกๆ ทั้งนั้น แปลกจนเรารู้สึกว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นหาคำตอบไม่ได้ เราก็ไปโทษเรื่องกรรม
เล่นละครมาทั้งชีวิตมีเงินเก็บ 60,000 เอง? พี่เปิ้ล : ทั้งหมดเลยค่ะ พอเราหมดแล้วโรงหนังถูกทุบ พอเราไม่มีสังกัดเราเหลือเงิน 60,000 ทำงานมา 13 ปี แต่เราก็ทุลักทุเลกันมาตลอด พอเราขอเก็บเงินเอง พอมาเล่าตอนนี้บางคนอาจจะมองว่าทำไมโง่นานขนาดนี้
แต่มันเป็นยุคในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุญคุณ การทำตัว พี่ไม่มีสิทธิเหมือนใครเลย ออกจากบ้านไปไหนก็ไม่ได้ เรา 14 ถามอะไรก็ได้หมด เราเล่าเรื่องให้เขาฟังหมด เขาบอกถ้าที่บ้านเก็บไม่มีเหลือ ก้าวเท้าเข้าวงการปุ๊ปก็ถูกร้อยไว้ด้วยหนี้แล้วค่ะ สังกัดให้ยืมเงินซื้อบ้าน ในยุคนั้นเราทำอะไรไม่ได้ ทุกครั้งที่เราขอเก็บเงินเองจะมีนางเอกเกิดใหม่คนนึงแล้วดร็อปงานเรา มีนางเอกประมาณ 4 คน
ความกดดันที่เกิดขึ้นจนทำร้ายตัวเอง? พี่เปิ้ล : ห้ามทุกอย่าง แล้วเราทำงานหนัก พอกลับเข้าบ้าน บ้านก็มีปัญหา เยอะแยะหมดค่ะ ความใฝ่ฝันของเราสำเร็จคือมีบ้านให้ครอบครัวได้ แต่เราต้องทำงานให้มันได้กับค่างวด เราก็จะโดนทั้งทางครอบครัว ทั้งทางสังกัด
เมื่อก่อนแรงนะ มีข่าวจารุณีเดินเมาอยู่ปากซอย แล้วผู้ใหญ่ต้องจ่ายเงิน แต่จารุณีไม่ได้ทำ ข่าวเมกเยอะมาก อันนี้เป็นความรุนแรงยุคก่อน มีผู้ใหญ่หลายคนที่เป็นห่วง มีฉากถ่ายเทนนิส เราเอาไม้เทนนิสฟาดขาตัวเอง ฟาดๆ ณ เวลานั้นหลายเรื่องเรื่องความกดดัน มันกดดันไปหมดเลย
ตอนถ่ายลูกสาวกำนัน มีข่าวเรือพุ่งชนตอหม้อสะพาน? พี่เปิ้ล : ตอนยุคตัวเองเล่นไม่มีสตั๊นท์แมน จะขับเรือเราก็ฝึกตรงนั้นอยู่ชั่วโมงนึง ก็ขับหนีผู้ราย เทก 2 ขับให้เร็วกว่านี้เราก็ย่ามใจเพราะขับได้แล้ว พอบิดมันคุมไม่อยู่ทักษะเราไม่พอ เลือดออกจมูก เลือดออกปาก หน้าต้องเย็บ ตอนขึ้นรถตู้เราหัวใจหยุดเต้นก็ต้องปั๊ม พอไปถึงโรงพยาบาลได้ดมยา 2 รอบ เกือบตายอีก