เปิด ขั้นตอนการเลือก นายกคนที่ 31 ใช้วิธีขานชื่อทีละคน เพื่อลงมติ

Home » เปิด ขั้นตอนการเลือก นายกคนที่ 31 ใช้วิธีขานชื่อทีละคน เพื่อลงมติ

เลือกนายก

เปิดขั้นตอนเลือกนายกคนที่ 31 สส.ขานชื่อเปิดเผยทีละคน ครั้งนี้ ไม่มี สว.ร่วมโหวตด้วย หลังศาลรัฐธรรมนูญฟันเศรษฐาพ้นตำแหน่ง

ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ซึ่งส่งผลให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที และส่งผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

  • ‘อนุทิน’ ยืนยัน ยินดีสนับสนุน แคนดิเดตนายกคนใหม่ จาก พรรคเพื่อไทย
  • พรรคประชาชน แถลงจุดยืน! ไม่ขอมีส่วนร่วมในการโหวตนายกคนใหม่จาก เพื่อไทย
  • เพื่อไทย เคาะแล้ว! ชู ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ เป็นแคนดิเดตนายกคนใหม่

โดยขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ จะต้องใช้เสียง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เกินครึ่งหนึ่ง โหวตเลือก โดยจะไม่มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดพิเศษมาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 แล้ว ขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 159 มีดังนี้

1) พรรคการเมืองที่มี สส. ในสภา ไม่น้อยกว่า 5% (25 คน) สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเคยแจ้งไว้ในการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 88 กำหนดให้พรรคการเมืองส่งบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกินสามชื่อ

โดยการเสนอชื่อผู้สมควรได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องเสนอชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 ดังนั้น พรรคเพื่อไทยซึ่งมีเศรษฐา ทวีสินอยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะเสนอชื่อเศรษฐาอีกรอบไม่ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าเศรษฐาเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 (4) และ (5)

การเสนอชื่อแคนดิดเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือก จะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) รับรองด้วยจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10 ของ สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร จากข้อมูล ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2567 มี สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ 493 คน โดยสส. หกคนที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลงเนื่องจากกรณีการยุบพรรคก้าวไกลและถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง และอีกหนึ่งคนมุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล สส. พรรคภูมิใจไทย ที่ถูกศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นจำนวนผู้รับรองในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10 จะอยู่ที่ 50 คน

สำหรับพรรคการเมืองที่มี สส. ไม่น้อยกว่า 5% ที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้สภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือกได้ ประกอบไปด้วย

  • พรรคเพื่อไทย มี สส. 141 คน บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีสองคน คือ 1) แพทองธาร ชินวัตร และ 2) ชัยเกษม นิติสิริ
  • พรรคภูมิใจไทย มี สส. 70 คน (ไม่นับรวมผู้ที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่) บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีหนึ่งคน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล
  • พรรคพลังประชารัฐ มี สส. 40 คน บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีหนึ่งคน คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
  • พรรครวมไทยสร้างชาติ มี สส. 36 คน บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีสองคน คือ 1) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี โดยปัจจุบันประยุทธ์ดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี และ 2) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
  • พรรคประชาธิปัตย์ มี สส. 25 คน เป็นขั้นต่ำของพรรคที่จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้พอดี บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีหนึ่งคน คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

2) สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี จากผู้ได้รับการเสนอชื่อ โดยขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะทำโดยเปิดเผย กล่าวคือ ใช้วิธีการเรียกชื่อ สส. แต่ละคนและให้ สส. ลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ได้รับเลือก จะต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อมี สส. ทั้งหมด 493 คน เท่ากับว่าต้องได้คะแนนเสียงตั้งแต่ 248 เสียงขึ้นไปจึงจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ