จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กเพจ อีซ้อขยี้ข่าว3 ได้โพสต์ภาพเด็กชายอายุ 13 ปี ที่มีแผลจากการถูกทำร้ายบริเวณคอ ร้องขอความช่วยเหลือหลังย้ายไปอยู่กับแม่ที่มาเลเซีย ในรัฐเประ ไทปิง ถูกแม่ทำร้ายร่างกาย และพ่อเลี้ยงไล่ให้ไปอยู่วัด จนมีคนไทยในมาเลเซียเข้าช่วยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ช่วยน้องออกมาได้นั้น
ล่าสุดแม่ของเด็กอายุ 13 ปี ได้ออกมาโต้ว่าทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง ตลอดเวลาที่อยู่ที่บ้านเด็กเอาแต่เล่นโทรศัพท์ ให้ไปเรียนยังไม่ได้ เพราะไม่ได้ภาษาอังกฤษ และจีน จึงอยากจะให้ฝึกฝนไปก่อน แต่เด็กไม่ยอมไปที่ไหน จึงไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ จึงมีแนวคิดว่า จะพาไปเรียนที่วัดในมาเลเซียก่อน ซึ่งหลวงพ่อสามารถพูดไทยได้ พาไปอยู่ที่วัด 2-3 วันก็พากลับบ้าน บางทีประมาณ 1 อาทิตย์ไปรับกลับบ้าน แต่เด็กชาย บอกว่า แม่นำไปปล่อยวัด ทั้งที่อยากจะให้ไปปรับตัวเรื่องภาษาเท่านั้นไม่ใช่ตามที่เป็นข่าว
- เด็กชายอายุ 13 ปี ขอความช่วยเหลือ หลังถูกแม่ทำร้ายร่างกาย ที่มาเลเซีย
- สาวสุดช็อก! จู่ ๆ มีเงินเข้าบัญชี 93 ล้าน ใช้จนเกลี้ยง พอรู้เฉลยทำหมดตัว
- ยันแรง! California University หมอเกศ ไม่ใช่ มหาลัย แต่เป็น ‘บริษัท’
ส่วนเรื่องที่เด็กอ้างว่า ถูกแม่ทำร้ายร่างกายนั้นไม่เป็นความจริง เกิดจากที่ห้ามไม่ให้เล่นโทรศัพท์ เพราะตัวเด็ก 13 ปีจะก้มเล่นแต่โทรศัพท์ แม้แต่นั่งกินข้าวบนโต๊ะก็ก้มเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา ไม่ละทิ้งสายตาจากโทรศัพท์ จึงได้ปิดสัญญานอินเตอร์เน็ต ทำให้มีปากเสียงกันระหว่างเด็ก ได้ชกต๋อยกับแม่ เกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน ทำให้ต่างเป็นรอยแผล แต่ผู้เป็นแม่ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ เพราะยังไงก็ลูก แต่เด็กได้ถ่ายเก็บไว้จึงนำมาร้องผ่านโซเชียล ทำให้กระแสสังคมโจมตีมาที่เธอ ซึ่งเธอก็เข้าใจหากคนเป็นแม่ทุกคนเห็นก็คิดเหมือนกัน
ในช่วงเช้าทาง สถานทูต ได้ติดต่อมาแล้ว จึงให้พี่ชายของนางสุนารี (ผู้เป็นแม่) นั่งรถไปรับ คาดว่าจะไปถึงที่ชายแดนมาเลย์ในช่วงเย็นวันนี้ 13 กรกฎาคม 2567 หรือเช้าวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ทาง นางสุนารี จะนำ ลูกชาย มาส่งให้ที่ด่านพรมแดน เนื่องจากตนเองไม่สามารถกลับมาได้เพราะต้องดูแลลูกวัย 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นมะเร็ง