เปิดใจ "ป๊อบ สุริยา" ย้อนนาทีชีวิต เกือบสิ้นชื่อ! เพราะชะล่าใจคิดว่าเป็นกรดไหลย้อน

Home » เปิดใจ "ป๊อบ สุริยา" ย้อนนาทีชีวิต เกือบสิ้นชื่อ! เพราะชะล่าใจคิดว่าเป็นกรดไหลย้อน
เปิดใจ "ป๊อบ สุริยา" ย้อนนาทีชีวิต เกือบสิ้นชื่อ! เพราะชะล่าใจคิดว่าเป็นกรดไหลย้อน

ผ่านคำว่า #ความเป็นความตาย มาอย่างหวุดหวิด สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ ป๊อบ-สุริยา เยาวสังข์ วัย 52 ปี ที่ฝากผลงานในวงการบันเทิงไว้อย่างมากมาย ซึ่งจากเหตุการณ์ระทึกเกือบเสียชีวิตของเจ้าตัวทำให้รายการดังทางช่องยูทูบ Dailynews Live-TH อย่างรายการ Daily POP LIVE คว้าตัวมาพูดคุยถึงสาเหตุการป่วยหนักเกือบเอาชีวิตไม่รอด พร้อมเรื่องราวชวนขนลุกที่หลายคนพากันเอาใจช่วย…

ก่อนหน้านี้ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ช่วยเล่าเหตุการณ์ได้ไหม ?
“ก็เป็นในเรื่องเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนของเลือดที่หัวใจนะครับ วันนั้นเป็นวันที่ผมไปออกบูธที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะครับ ก็ไปถึงตอนเช้าก็นั่งคุยกันอยู่มีผม แล้วก็มี คุณวีระชัย หัตถโกวิท เจี๊ยบ ภุชงค์ นัย สุขสกุล นั่งอยู่บูธผม 4 คน นั่งคุยกันไปจนถึง 10 โมง ก็บอกเอ๊ะ ไปกินข้าวกันดีกว่า เดินจากบูธผมเนี้ยจะเดินไปกินข้าว พอดีผ่านบูธของ น้องปิงปอง สะแกวัลย์ ก็ไปจิ้มลูกชิ้นของน้องปิงปองกิน พอกินเสร็จปึ๊บนั่นแหละ ปิงปองบอกว่า พี่นั่นของที่หนูไหว้เจ้าที่นะ ไอ้เราก็บอก เอ้า! เหรอ ยกมือขึ้นไหว้เจ้าที่บอกขอโทษนะครับเจ้าที่ เจ้าทางผมไม่รู้ พอเคี้ยวแล้วกลืนลงไปนั่นแหละคือเริ่มต้นของอาการกลืนไม่ลง มันแน่นอยู่ที่อก เอาเว้ยเป็นกรดไหลย้อน เพราะปกติพี่เป็นอยู่แล้ว”

“ก่อนที่จะเดินไปทานอาหารก็เลยเดินไปที่เซเว่นไปซื้อกาวิสคอนมากิน สักแป๊บนึง หายดีขึ้น พอเดินไปทานข้าวเสร็จเป็นอีกแล้วอาการเดิมมาอีกแล้ว แน่นอกเดินกลับมาที่บูธก็มานั่งอยู่สักพักมันยิ่งเริ่มแน่นๆ พยายามหายใจลึกๆ ก็แล้ว กินน้ำก็แล้ว ไม่หายเลยตัดสินใจเดินไปที่เซเว่น ไปซื้อกาวิสคอนมาอีกซองนึงอีกกินเข้าไปอีก ตั้งแต่ตอนนั้นที่จะไปกินข้าวตอน 10 โมง แล้วประมาณเที่ยงกินเข้าไปซองที่ 2 ก็หาย สัก 20 นาที สักเที่ยงกว่าๆ กลับมาอีกแล้วเริ่มไม่ไหว นั่งทนไปก็มีบลูกค้ามาดูบูธที่ผมนั่งขายพระ ขายขนมปั้นขลิบ ที่ขายพระอยู่ก็มีผม กับพี่เจี๊ยบที่บูธติดกัน แกก็เอาพระมาวางๆ ขายด้วยกัน นั่งตั้งแต่เที่ยงจนบ่ายโมง บ่าย2เราก็เริ่มกระสับกระส่ายแล้ว เริ่มอึดอัดๆ เริ่มหายใจไม่ค่อยสะดวก”

ตั้งแต่ 10 โมง ไปจนถึง บ่าย 3 ที่เริ่มมีอาการยาวนานมากๆ แล้วจากนั้นมีอาการอย่างไรต่อไป ?
“ใช่ครับ จนบ่าย 3 เราก็นั่งทนนึกว่าเป็นแค่กรดไหลย้อนกินยาเดี๋ยวก็หาย สักบ่าย 3 เหงื่อแตก และมีความรู้สึกว่าตัวเย็นแล้วก็เริ่มหายใจไม่ออก พี่เจี๊ยบก็เลยบอกป๊อบทำไมหน้าซีดจังวะ พี่ว่ามึงไปหาหมอดีกว่านะ พี่ว่ามันไม่ใช่กรดไหลย้อนแล้วหล่ะ พอฟังแล้วผมเก็บของเลย รีบเก็บของเสร็จ พี่ผมไปแล้วนะ ใจตอนแรกผมอยากไปโรงพยาบาลมุ่งหน้าไปที่หมอเหรียญทอง โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะฯ จะขี่มอเตอร์ไซค์ไป พอออกถนนใหญ่ไปรถติดยาวมาก มีรปภ.ตรงข้างหน้าถามว่ามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ หน้าพี่ซีดมาก ผมก็เลยบอกว่าผมจะไปโรงพยาบาลหมอเหรียญทองตรงนี้ รปภ.เลยบอกว่า พี่ไปไม่ถึงโรงบาลแน่ พี่วนรถไปทางด้านหลังเลยมีโรงพยาบาลจุฬาภรณ์อยู่พี่กลับรถไปเลยครับ

ผมก็เลยขี่มอไซค์เลี้ยวกลับไป พอไปโรงพยาบาลจุฬาภรณ์อยู่ข้างหน้าประมาณ 500 เมตร แต่ว่ามองไม่รู้เริ่ม เริ่มมองไม่เห็นแล้วคือมันแน่นไปหมดเลย ตอนนั้นมันอึดอัดไปหมด เข้าไปจอดรถข้างทางแล้วมีรปภ.อีกคนเดินมาอีก มีอะไรให้ช่วยไหมครับพี่ ถามเขาว่าโรงพยาบาลจุฬาภรณ์อยู่ตรงไหน ยามเลยบอกว่าเนี่ยพี่ขี่ไปอีก 500 เมตร อยู่ตรงนี้เอง เลยตัดสินใจขี่ไปหน้าห้องฉุกเฉิน พอจอดเสร็จปุ้บลงไปทรุดนั่งเลยพอนั่งเสร็จบุรุษพยาบาลมากันเต็มเลยเอาผมขึ้นเตียงเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน พอเข็นเข้าห้องฉุกเฉินเสร็จ หมอห้องฉุกเฉินมาถามว่าเป็นอะไรมา ผมแน่นหน้าอกมากครับ เท่านั้นแหละทั้งคุณหมอ ทั้งพยาบาลไล่ญาติคนไข้ ไล่คนอื่นๆ ออกไปเลย มีคนไข้วิกฤตเราก็ฟังอยู่”

แสดงว่าสติสัมปชัญญะตอนนั้นรู้เรื่องทุกอย่างใช่ไหม ?
“รู้เรื่องทุกอย่าง แล้วพอเสร็จแป๊บเดียวเองนะครับ ผมขอกราบขอบคุณเลยนะครับทีมแพทย์ พยาบาลที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์นะครับ พยาบาลมารุมผมเต็มไปหมด มีคุณหมอสาวๆ อยู่เลยมาถามอาการผมว่าเป็นยังไงคะ ผมเล่าข้ามไปนิดนึงช่วงจังหวะที่เจอ รปภ.คนที่2 มันเริ่มร้าวลงแขน มันเหมือนชาปวดร้าวลงแขนข้างซ้าย แล้วก็ที่กรามขึ้น เหมือนเราอมอะไรที่มันชาๆ อยู่ พอรู้เลยว่าผมมีปัญหาเรื่องหัวใจแน่ๆ กลับไปที่ห้อง icu เข็นเครื่องเอ็กซเรย์ที่หน้าอกผม เต็มไปหมดเลยช่วงจังหวะที่เอาเครื่องเอ็กซเรย์ออกไปเรียบร้อยช่วงจังหวะที่พยาบาลเขามาหาเส้นเลือดที่จะเจาะ แน่นหน้าอกมาก ผมมีความรู้สึกว่าง่วง อยากจะหลับ ช่วงจังหวะนั้นผมมีความรู้สึกว่า เตียงที่นอนอยู่มีคนเข็นฝ่าพยาบาลกับหมอตรงนี้ออกไป หลับอยู่นะ พอเข็นออกไปจังหวะที่จอดอยู่ตรงปลายเท้า ผมมีความรู้สึกว่าเย็นจากหัวลงมาวูบถึงเอว พอได้ยินเสียงคุณหมอเรียก คุณสุริยา คุณสุริยาแล้วก็มาผลักที่หัวไหล่ สะดุ้งตื่นขึ้นมา ครับๆ”

“แล้วหมอเขาก็ถามว่า ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง ยังอึดอัดอยู่ไหม คือมันก็ยังอึดอัดยังแน่นไปหมดเลย ซึ่งพอตอบคุณหมอเสร็จ ปรากฎว่าเตียงก็ยังอยู่ที่เดิม แล้วก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่โดนเข็นออกไป ความรู้สึกเย็นนั้นคืออะไร ทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ ซึ่งหลายคนบอกมาว่า นั่นแหละกำลังจะไปแล้ว เขาให้โทรตามญาติ ผมก็ให้เบอร์ภรรยาไป เขาก็โทรตามจนกระทั่งครึ่งชั่วโมงหรือ 40 นาที คุณหมอบอกให้เข้าไปทำหัตถการนะคะด่วนเลย เดี๋ยวนี้เลย หัตถการก็คือผ่าเส้นเลือดใหญ่นะครับ แล้วก็เอาลวดแทงจากตรงนี้เข้าไปแล้วก็ไปสวนที่หัวใจ”

ตอนนั้นคุณหมอบอกไหม ตอนที่เรียกคุณสุริยาว่าเป็นโรคหัวใจ ?
“เขาบอกครับ เขาบอกว่าภาพเอ็กซเรย์ที่เห็นคุณหมอบอกเลยว่า หัวใจคุณขาดเลือดเฉียบพลัน แล้วก็ของปกติแล้วคนอื่นอยู่ประมาณสักตัน 80 – 90 เปอร์เซน แต่ผมนี่ตัน 100 เปอร์เซนเลยครับ”

ตันคือไม่สามารถมีเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้ ?
“ถูกต้องครับ”

หลังจากนั้นรู้สึกอย่างไร เพราะอาการที่เป็นเราไม่สามารถมีเลือดอยู่ในหัวใจได้เลย ?
“ผมเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจมันเฉียดพลันนะครับ มันก็เลยทำให้เหมือนกล้ามเนื้อทั่วไปพอมันไม่มีเลือดไปเลี้ยงเสร็จ มันเหมือนพยายามจะปั๊มหาเลือด แต่มันไม่มีเลือดมา พอจังหวะที่เข้าไป เป็นคุณหมอปิโยรส ต้องบอกว่าสุดยอดมาก หมอปิโยรสนะครับ จะมาทำหัตถการให้นะครับ แขนวางแบบนี้นะครับ เครื่องทางการแพทย์เต็มไปหมดเลย ในห้องผมใจผมคิดว่าเดี๋ยวก็คงจะฉีดยานานหลับ ให้หลับแล้วค่อยทำ แต่ไม่เลยครับ ช่วงจังหวะประมาณเกือบๆ ชั่วโมงที่เขาเอาเส้นลวดอันนี้เข้าไปแยงในหัวใจผมนอนคุยกับคุณหมอตลอด หมออธิบายให้ฟังตลอดว่า คุณสุริยาตอนนี้นะคุณหมอทำเส้นเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะแทงเข้าไป จังหวะที่เส้นลวดไทเทเนียมอันนี้แทงเข้าไป มันเหมือนอย่างสมมุติเจาะเข้าตรงนี้ ค่อยๆ วิ่งเข้าไป เรารู้สึกเลยว่าเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งเข้ามาด้วยเลยถามหมอว่าเข้าไปแล้วใช่ไหมครับหมอ”

“เอาจริงๆคุณหมอยังบอกเลยว่าคุณมาได้ยังไง ทีหลังขอให้เป็นวิทยาทานให้เรียกรถ 1669 อย่าขับรถ หรือ ขี่มอเตอร์ไซค์มาเองแบบนี้เพราะไม่รู้ว่าคุณไปน็อกกลางทางตรงไหน เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะครับ เพราะถ้าหากว่าคุณไปด้วยรถ 1669 ในรถจะมีเครื่องช่วยปั๊มหัวใจเอย เครื่องมือเอย ยังมีหมอช่วยดูแลให้ ช่วยจังหวะที่ทำอยู่ คุณหมอจะอธิบายตลอดว่าคุณสุริยา หัวใจของคุณขาดเลือดเฉียบพลันนะ ช่วงเวลา 40 นาทีที่ทำผมเกือบจะหัวเราะหลายทีคุณหมอดุมาก ดุพยาบาลเลย เร็วสิๆ ช้ากันอยู่นั่น ทำไรกันอยู่ (น้ำเสียงดุ) อะไรประมาณนี้จนกระทั่งมาสุดท้ายเลย ก็มาถามพยาบาลถ้าเป็นเคสวิกฤติแบบนี้คุณหมอก็จะดุอะไรที่มันช้า เพราะกลัวว่าเราจะเป็นอะไร”

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จจนได้ออกมาจากโรงพยาบาล นานไหม ระยะเวลากี่วัน ?
“หลังจากวันนั้นที่ทำเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาอย่างรูปนี้ที่เห็นครับ แขนมันจะชา ใช้อะไรไม่ได้เลย ทำเส้นข้างขวา เสร็จก็นอนพักดูอาการที่ห้อง ICU ดูอาการผู้ป่วยกึ่งวิกฤตอยู่ประมาณ 4 – 5 วันปกติแล้วคนที่ทำเส้นเลือดหัวใจทำวันนี้ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว แต่ของพี่มันวิกฤติกล้ามเนื้อเหมือนมันเกือบที่จะตายแล้วก็เลยให้ผมนอนรอดูอาการว่ากล้ามเนื้อหัวใจเป็นยังไง”

พอเราผ่านเหตุการณ์นั้นจนกลับบ้าน รู้สึกเหมือนเป็นชีวิตใหม่จริงๆ เพราะหลายคนคงตายไปแล้ว ?
“หลังจากที่คุณหมอเรียกตอนนั้น ผมบนหมดเลย ในใจขออยากกลับบ้านอย่างเดียว ขอให้ผมผ่านพ้นวิกฤติตรงนี้ไปได้ แล้วเดี๋ยวผมจะบวช ในใจคิดอยู่แต่อย่างนั้นอย่างเดียวเลย ผมจะบวชให้เจ้ากรรมนายเวรแบบมาตามเอาชีวิต หรือ จะมาเอาหรืออะไรก็แล้วแต่ขอให้ผ่านพ้นตรงนี้ไปก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะบวชให้”

แต่ไม่ได้บอกว่าบวชที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง ?
“ตอนนี้ไปขอความอนุเคราะห์จากพี่ท็อป บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ คุยกับแกว่าพี่ท็อป คนแรกเลยที่มาเตือนคือพี่ไทด์ พี่ไทด์ไลน์บอกป๊อบแบบนี้เขามาเตือนแล้วนะ ไอเราก็ใจแป้ว เสร็จแล้วน้องบอมสามีน้องจุ๊บแจง วิมลพันธ์ มาเล่าให้ฟังว่าพี่ ถ้าผมจำไม่ผิดประมาณสัก 20 กว่าปีก่อน ที่เล่นละครเรื่องมิตร ชัยบัญชา มายาชีวิต ช่อง 7 ด้วยกัน ผมจำได้ว่าพี่เคยไปบนกับพ่อมิตรเอาไว้นะ ว่าจะบวชให้ แล้วพี่ได้บวชให้แกรึยัง”

ทำไมพี่ถึงไปบอกว่าจะบวชให้ มิตร ชัยบัญชา ?
“ก็ไม่รู้ พี่ก็จำไม่ได้ บอมเป็นคนมาบอก บอกว่าพี่ผมจำได้ว่าพี่เป็นคนเล่าให้ผมฟังว่าพี่ไปบนอะไรไว้สักอย่างนึงกับพ่อมิตร พี่บวชทดแทนแกรึยังเสร็จเรียบร้อยกลับมาประมาณว่าพี่เคยโพสต์ลงเฟสบุ๊กเอาไว้อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่าอยากบวช ถวายองค์โสมกับองค์ภา ก็ประจวบเหมาะหลายทางเลยกับล่าสุดที่ผ่านวิกฤตครั้งนี้มา ณ ตอนที่นอนหมอทำอยู่เนี้ยมันมีจังหวะนึงซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หมอมาบอกตอนหลังว่า มีความรู้สึกว่าช็อกก็ช็อกไปเลยนะครับคือจังหวะที่เส้นเลือดมันตันอยู่
และจังหวะที่เขาเอาตัวเส้นลวดเข้าไปเพื่อที่จะขยายออก พอขยายออกเสร็จเลือดมันก็ยังไม่เลี้ยง ช่วงจังหวะที่ยัดเข้าไปนี่แหละช่วงนี้มันอาจจะช็อกได้มันยิ่งแน่นขึ้น เลยพูดขึ้นไปว่าหมอครับไม่ไหวครับ อึดอัดมาก”

อย่างพี่ป๊อบเองก็เชื่อว่าน่าจะเป็นในมุมอาถรรพ์การบนหรือไม่ ?
“พี่ไม่รู้ว่ามันเป็นอาถรรพ์เรื่องการบนหรือเปล่า แต่ว่ามีหลายๆ คนทักมา มีพี่อ้อ ยอดสร้อย ก็ทักมาแกก็ตอนนั้นพี่ก็ไม่สบายเพราะก่อนนั้นเดือนตุลาก็เข้า ICU ไปรอบนึงแล้วเมื่อเดือนตุลาเป็นไข้เลือดออก แกก็ไปที่ไว้กระดูกพ่อมิตรแล้วก็วิดีโอคอลมา ที่วัดแคนางเลิ้ง เลยบอกป๊อบขออโหสิกรรมพ่อไปก่อนแล้วกันนะ อะไรอย่างนี้ แต่ตั้งใจไว้ว่าจะบวชแน่ๆ ต้องบวช ทั้งๆที่แต่ก่อนพี่เป็นคนที่ถือศาสนาคริสต์นะ พี่เป็นคริสต์เตียนนะครับ แต่พอช่วงหลังๆ มานี้จับพลัดจับผลูมาพุทธ มันก็แปลกนะ มันเป็นเรื่องแปลก”

มีอีกจุดนึงน่าสนใจเหมือนกันเรื่องตอนที่พี่ทานลูกชิ้นของน้องปิงปองที่เป็นของไหว้เจ้าที่ หลายๆ คิดว่าน่าจะเป็นอาถรรพ์ของพวกนี้ไหม ?
“พี่คิดว่าเจ้าที่เขาคงไม่ทำร้ายคนขนาดนี้ ถ้าหากว่าเป็นเจ้าที่ต้องเป็นเจ้าที่ดีนะ ยิ่งเราไม่รู้ยกมือไหว้ขอโทษไม่ได้ตั้งใจลบหลู่ อันนี้เราไม่รู้นะครับ”

มันไม่ใช่เหตุการณ์เฉียดตายของพี่ป๊อบครั้งแรกเพราะก่อนหน้านี้มีเข้า ICU มาก่อนใช่ไหม ?
“ล่าสุดพอได้ทำเส้นแรกไป กลับบ้านไปพักฟื้นอยู่ 2 อาทิตย์ หมอก็นัดเมื่อวันที่ 27 ธันวาที่ผ่านมา ก็ไปทำอีกเส้นนึงเป็นครั้งที่ 2”

ณ ปัจจุบันถือว่าหายจากโรคนี้แล้วหรือยัง ?
“จากนี้ไปต้องปรับเปลี่ยนระบบการใช้ชีวิต ลดของทอด ของมัน ตอนนี้สิ่งที่หมอห้ามเลยคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อีกอย่างที่โชคดีของผมก็คือผมเลิกบุหรี่ได้ 6 – 7 ปีแล้ว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งต้องหยุดไปก่อนเลย อย่างน้อยที่สุดคือ 1 ปี นับจากนี้แล้วก็ต้องกินยา ทุกวันนี้ต้องกินยา ยาต้านเกล็ดเลือด ยาลดความดัน หลายอย่างเลยก่อนอาหารเช้า 2 เม็ด แล้วก็หลังอาหารเช้า 6เม็ด วันนึง 10 กว่าเม็ด”

ตอนนั้นที่ตัดสินใจโพสต์ลงโซเชียลฯ ตัดสินใจนานไหมคะ ?
“จริงๆ ใจผมจำไว้เลยนะครับ อาการกรดไหลย้อน กับอาการหัวใจตีบตันิอาการจะคล้ายคลึงกันมาก เพราะฉะนั้นแล้วถ้ารู้สึกว่าสักพักนึงตัวเย็น มีเหงื่อออก มันจะรู้ด้วยตัวเราเองเลยว่า อาการแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว อยู่ๆเหงื่อแตกตัวเย็น ต้องรีบไปหาหมอด่วนเลย ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดแล้วก็อีกอย่างนึง พยายามเรียกรถ 1669 นะครับอย่าทำพิเรนที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปเอง ของผมเนี่ยที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเองเพราะว่ามันใกล้แต่ถ้าหากว่ามันขึ้นมาเกิดน็อกอยู่กลางถนน รถล้ม โดนรถทับอีกโอ้โหมันไปกันใหญ่เลย”

พี่ป๊อบรอดมา ณ ปัจจุบันเชื่อว่าเพราะอะไรเราถึงรอดมาได้ ?
“ผมคิดว่าผมยังไม่ถึงที่ ยังไม่ถึงที่ตายนะครับ”

พอเวลาผ่านมาอันนี้ถือว่าเป็นชีวิตที่ 2 พี่รู้สึกอย่างไรบ้างที่มีชีวิตที่ 2 และ อยากจะทำอะไรในชีวิตนี้ ?
“หนึ่งเลยตอนนี้ที่ผมคิดไว้คือ เหล้า เบียร์ ผมจะเลิกเลย แล้วก็ที่ผ่านมาผมก็ใช้ชีวิตไม่ได้สัมมะเรเทเมามาก คงไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไร แต่ว่าการใช้ชีวิตเรื่องการทานอาหาร ปกติที่ผ่านมาผมก็มีข้อเสียตรงที่ว่า ผมเป็นคนที่ชอบกินแกงเขียวหวานมาก คุณหมอบอกให้หยุดนี่แหละตัวอันตรายเลย แกงเขียวหวาน ทอดมันอย่างงี้ อีกอย่างนึงก็คือว่าน้ำตาลจะปริ่มๆ คุณหมอกลัวจะเป็นเบาหวานก็เลยให้ลดๆลงมาหน่อย แล้วก็ลดเค็มเพราะความดัน”

ตอนนี้มีกี่โรค เพราะถือว่ายังไม่หายขาด ?
“ตอนนี้มีขดลวดหัวใจอยู่ 3 เส้นคืออย่างงี้คุณหมอบอกว่าถึงแม้ว่าเราจะเซาะเอาไขมันตัวที่ตันหรือตีบออกไปแล้วมันก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนระบบการใช้ชีวิต เพื่อให้มันอยู่ได้อีกยาวๆนะครับ ของผมที่ทำบอกได้เลยว่า เครื่องที่โรงบาลจุฬาภรณ์สุดยอดมากจอประมาณ 50 นิ้ว 2 จอ แขวนอยู่ จอนึงก็จะรู้การเต้นของหัวใจอย่างตอนที่นอนอยู่ก็ชะโงกไปมองมันเป็นเส้นเลือดใหญ่เลือดก็จะแบบเต็มไปหมด ( หัวเราะ )”

ในเรื่องของงานยังรับปกติไหม เพราะมีปัญหาเรื่องของสุขภาพ ?
“รับงานปกติครับ ล่าสุดก็มีติดต่อเข้ามา ปีที่แล้ว 2566 ถือว่าเป็นปีที่ผมเข้า ICU สองรอบเป็นไข้เลือดออกครั้งนึง นอนอยู่โรงพยาบาล 7 วัน แล้วมาล่าสุดทำเส้นเลือดหัวใจ 2 ครั้งทั้งปีของปีที่แล้ว มีหนังเรื่องเดียว ละครไม่ได้เล่นเลยปีที่แล้ว เข้าปีใหม่มาพี่ก็อธิฐานเฉียดตายมาปีที่แล้ว ปี 2566 เป็นปีที่สาหัสมากสำหรับผม ขึ้นปีใหม่นี้ ปี 2567 ขอให้เป็นปีที่ดีกับผม และ ยาวๆไปหน่อยเถอะ ก็มีละครติดต่อเข้ามาให้ไปอยู่ในช่องที่พูดคุยกันอยู่มีเล่นเรื่องนึงนะครับ แล้วก็ไปกำกับเรื่องนึง แล้วก็มีภาพยนตร์ของ Five Star อีกหนึ่งเรื่อง ต้นปีมาก็ 3 เรื่องแล้วครับ”

ถ้าใครที่ติดตาม พี่ป๊อบ สุริยา ในอินสตาแกรมจะรู้ว่าพี่ป๊อบทำปั้นขลิบขายด้วย ช่วยบอกช่องทางติดตามสักหน่อย ? 
“ใช่ครับคุณแม่ทำ ปั้นขลิบเป็นขนมที่เรียกได้ว่าน่าจะทำยากมากบ้านที่คุณแม่ผมทำทำเป็นไส้ปลาเก๋า หลายคนถามผมว่าทำไมราคามันสูงตัวนึงผมขาย 2 บาท 80 สตางค์ต่อตัว ซึ่งมันก็ไม่น่าจะแพงไส้ปลาเก๋ากว่าจะทำไส้ได้ ต้องใช้รากผักชี มีต้นหอม มีพริกไทย มีถั่ว มีปลาเก๋า เอามาคั่วรวมกันแล้วก็ใช้แป้งสาลรอย่างดี เอามาคลึงๆๆให้แบนแล้วแม่ผมก็มาทำเขานั่งคลิบทีละตัวนะ ถ้าคนรู้คนเห็นส่วนใหญ่เขาจะเป็นแบบพอคลึงเป็นกลมๆ ใส่ไส้เสร็จเรียบร้อย แล้วก็พับ มันเหมือนเหลือครึ่งวงกลม แล้วจะมีเครื่องแง๊บๆ อันนี้ไม่ครับ ตัวเกลียวมันจะไม่สวยอันนี้คลิบทีละตัวๆ นั่งคลิบเป็นโฮมเมดแท้ๆ เลย ทีละตัว ใครสนใจก็ติดต่อมาได้ที่ผมนะ 061 829 1459 เป็นขนมปั้นขลิบคุณแม่สุชาดา ถ้านับจริงๆแล้วคุณยายทำขายมา น่าจะประมาณ 50 ปีได้แล้ว ขายมาเรื่อยๆ แต่ว่าขายน้อย เพราะว่าแม่ทำได้แค่วันละ 400ตัวเต็มที่ ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ