เปิดใจสาวเจ้าของร้านหมูกระทะ หลังดราม่า ตั้งบนฟุตปาธหน้าโรงพัก เปิดขายมา 19 ปี รับช่วงจากแม่ เป็นพื้นที่ผ่อนปรน ค้าขายได้ ท้อทำถูกต้องแต่โดนด่า
จากกรณี เฟซบุ๊กเพจ ‘ขาเกือบพลิก’ โพสต์ภาพร้านหมูกระทะตั้งอยู่บนฟุตปาธหน้า สภ.กันตัง จ.ตรัง และมีลูกค้ามานั่งกินจำนวนมาก จนกลายเป็นประแสดราม่าถึงความไม่เหมาะสม แถมยังผิดกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว แบบนี้ก็ได้เหรอ! ดราม่าสนั่น ร้านหมูกระทะบนฟุตปาธ ตั้งอยู่หน้าโรงพัก
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 พ.ย.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบร้านหมูกระทะดังกล่าว พบว่าชื่อร้าน “หมูกระทะข้างโรงพัก” ตั้งอยู่บนฟุตปาธติดกับรั้ว สภ.กันตัง ริมถนนเทศบำรุง (ภายในเขตเทศบาลเมืองกันตัง) เปิดขายเวลา 17.00 น. ถึง 21.00 น. โดยพนักงานของร้าน 5 คน ต่างตระเตรียมขนย้ายข้าวของจากบ้านพักตำรวจภายใน สภ.กันตัง ออกมาจัดวางบนฟุตปาธ เพื่อเปิดรอรับลูกค้า และยังพบว่าบริเวณบนฟุตปาธด้านข้างยังคงมีร้านแผงลอยอื่นๆ ตั้งขายอยู่ประมาณ 4-5 ร้าน อีกด้วย
โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับ น.ส.ภุชดาภรณ์ เตชะเดช หรือเกิ้ล อายุ 31 ปี เจ้าของร้าน พร้อมด้วยเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ขายที่ค้าขายกันอยู่บนฟุตปาธนำใบเสร็จ ที่ร้านต่างๆ รวมทั้งร้านหมูกระทะดังกล่าวจ่ายเป็นค่าที่และค่าบำรุงให้กับเทศบาลเมืองกันตัง ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตผ่อนปรน รวมทั้งนำใบทะเบียนพาณิชย์มาชี้แจงให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบด้วยเช่นกัน
น.ส.ภุชดาภรณ์ กล่าวว่า ได้เห็นเรื่องร้านของตนบนโซเชียลแล้ว ร้านเปิดตรงนี้มากว่า 19 ปีแล้ว เมื่อก่อนพ่อคือ ร.ต.ต.นพพร เตชะเดช หรือหมวดพร อายุ 56 ปี รอง สวป.สภ.กันตัง และแม่ซึ่งเสียชีวิตแล้วไปเป็นคนขาย ตนมารับช่วงต่อเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่ต้นทางเราได้ขออนุญาตจากเทศบาลเมืองกันตังถูกต้อง ไม่ได้ตั้งร้านถาวร เป็นการผ่อนปรน อยู่ในระเบียบ เงื่อนไข และเวลาที่กำหนด และมีเจ้าหน้าที่เทศบาลและเทศกิจมาตรวจสอบ กวดขัน และดูแลอยู่ตลอด ทั้งการขายตามช่วงเวลาที่กำหนด หลังร้านปิดก็เก็บอุปกรณ์และของทุกอย่างกลับ ทำความสะอาดพื้นที่ ซึ่งเราปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัดทุกอย่าง และมีการเก็บค่าที่และค่าบำรุงวันละ 20 บาท ซึ่งราคานี้เก็บมาตั้งแต่เมื่อ 19 ปีที่ผ่านมาแล้ว
น.ส.ภุชดาภรณ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งภาพที่มีการนำไปลงในเพจต่างๆ ก็เป็นภาพที่ทางร้านถ่ายเอง หลังจากเห็นว่ามีเพจต่างๆ นำไปโพสต์จนกลายเป็นกระแส ก็รู้สึกท้อ เพราะคนโพสต์และคนคอมเมนต์ไม่ใช่คนในพื้นที่ ที่ไม่มีข้อมูล หรือรับรู้เรื่องจริงๆ เพราะนี่คือวิถีของคนที่นี่ และทุกอย่างก็ดำเนินตามระเบียบของเทศบาลฯ แต่ก็เข้าใจทุกคนว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์
น.ส.ภุชดาภรณ์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนที่พ่อเป็นตำรวจ คือเรื่องจริงเพราะตนก็คือลูกของพ่อที่มีอาชีพเป็นตำรวจ ทางผู้บังคับบัญชาของพ่อก็ใจดี แนะนำให้เก็บกวาดสถานที่ให้สะอาดเรียบร้อยมาโดยตลอด เพื่อทำมาหากิน ตามระเบียบของเทศบาลฯ หากจะให้ขยับขยายหรือย้ายที่เราก็ยินดี และไม่ใช่ว่าจะขายอยู่ตรงนี้ไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยตั้งเป้าไว้ว่าหากพ่อเกษียณอายุราชการ ก็จะย้ายที่และพยายามหาที่หาทางอยู่ตลอด เพราะตอนนี้ก็อาศัยอยู่บ้านพักข้าราชการตำรวจ ใน สภ.กันตังแห่งนี้
น.ส.ภุชดาภรณ์ กล่าวปิดท้ายว่า ส่วนตัวตนเรียนจบระดับชั้น ป.6 ภาระความรับผิดชอบตอนนี้ก็ต้องส่งเสียเลี้ยงดูน้องสาว 2 คน ซึ่งเรียนอยู่ระดับปริญญาตรี และต้องเลี้ยงดูลูกของตัวเองอีก 2 คน รวมทั้งค่าแรงของพนักงานในร้านอีก 5 ชีวิต ร้านนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงครอบครัวและลูกน้อง สุดท้ายก็อยากขอความเห็นใจโซเซียล ช่วยเอ็นดูหนูหน่อย เราทำถูกต้อง และต้องเลี้ยงหลายชีวิต และอยากให้ทุกคนมาลองกิน มาลองเที่ยว อ.กันตังดู จะได้รู้และได้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนที่นี้