วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 กรณี คดีฆาตกรรมน้องนุ่น ยังคงเป็นที่จับตามองของสังคม สืบเนื่องจาก คดีคนหาย สู่คดีฆาตกรรม โดย เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมื่อ น้องนุ่น หญิงสาว วัย 27 ปี หายตัวไปอย่างปริศนา ก่อนที่สามีของเธอนั้นจะเข้าแจ้งความกับตำรวจว่าภรรยาหายตัวไปในวันที่ (18 ก.พ. 67) แต่ทว่า ภายหลังความจริงปรากฎเมื่อสืบทราบได้ว่า ทอยเป็นคนลงมือฆาตกรรมนุ่น แล้วนำร่างไปเผาอำพรางกลางสวนยางแห่งหนึ่ง จนนำไปสู่การจับกุมตัวในที่สุด
ล่าสุด ทางด้าน พ่อ-แม่ทอยเปิดใจ ว่า หลังจากแม่ทราบเรื่องราว น้องนุ่นหายตัว แม่ก็พยายามติดต่อไปเช่นกันแต่ติดต่อไม่ได้ เนื่องจากทั้ง 2 คนอยู่กรุงเทพ ปกติโทรคุยกันแต่ไม่บ่อย แม่สนิทกับทอยตามประสาแม่ลูก แต่เวลาทั้ง 2 คน ทะเลาะกันก็จะโทรมาบอกมาเล่าให้ฟัง ซึ่งตนก็ทำได้แค่เตือนสติ ยอมรับเรื่องทอยเป็นคนที่อารมณ์ร้อน เวลาแม่จะพูดบอกเตือนอะไรก็จะพูดสวนขึ้นมา ส่วนเรื่องทอยเคยทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวหรือเพื่อนนั้น ยืนยัน “ไม่เคยมี”
- เปิดหลักฐานแชท ‘น้องนุ่น’ เคยโดนทอยทำร้าย ตาบวมช้ำ เลือดออกในตา
- รองแต้มของขึ้น ถึงขั้นไม่สนกฎหมาย เมื่อเห็นคลิปทอยทำร้ายน้องนุ่น
- เพื่อนสนิท ‘น้องนุ่น’ เผย นิสัยทอย เป็นคนโมโหร้าย เคยบอกให้นุ่นเลิกคบ
แม่เชื่อว่า “ทอยเป็นคนลงมือฆ่าน้องนุ่น” เพราะเห็นตามคลิป และคงไม่มีใครทำน้องได้ เพราะเขาอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก ตอนน้องนุ่นหายตัวไป แม่ก็โทรไปถามทอย แต่ทอยไม่ยอมรับ จนกระทั่งมีคลิปชัดเจน แม่จึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำตามกระบวนการกฎหมาย ยืนยัน “ไม่ปกป้องคนทำผิด ไม่ขอไปประกันตัว” แต่ถึงอย่างนั้น ความเป็นแม่ลูกมันตัดกันไม่ขาด น้องนุ่น เป็นเด็กน่ารักพูดคุยกับแม่ตลอด ทะเลาะเขากันก็จะโทรมาเล่าให้ฟัง แต่นุ่นไม่เคยเล่าว่าถูกทอยตี “แม่อยากจะบอกทอย ว่า ลูกทำอะไรลงไปก็รับกรรมไป” ทั้งนี้ แม่อยากจะขอโทษครอบครัวของนุ่น สิ่งที่เกิดขึ้น แม่เสียใจมาก เพราะครอบครัวของนุ่นดีกับตนมาก หากฝากบอกน้องนุ่นได้ ขอให้ลูกไปเกิดในภพภูมิที่ดี ได้ไปเกิดในที่ดีๆ
ทั้งนี้ ส่วนทางด้าน พ่อของทอย หลังเดินทางไปบ้านของครอบครัวนุ่น ได้เปิดเผยว่า ตนมาแสดงความเสียใจที่ลูกเราทำแบบนี้กับลูกสาวเขา ซึ่งทางพ่อแม่นุ่นก็เข้าใจ บอกว่าเป็นเรื่องของเด็ก 2 คน นอกจากนี้ยังได้พูดคุยเรื่องการเลี้ยงดูหลาน ถ้าหากพ่อแม่นุ่นจะเอาหลานไปเลี้ยงดูก็ยินดี แต่ยืนยัน ครอบครัวตนจะช่วยดูแล ส่งเสียเช่นกัน ซึ่งทางพ่อแม่นุ่นก็บอกว่า ขอจัดพิธีต่างๆ ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกที