ถอดรหัส “ฝันร้ายที่พบบ่อย” สูญเสียฟัน-ถูกไล่ล่า-ตกจากที่สูง สัญญาณจากจิตใจ เพิ่งรู้มีวิธีรับมือ!

การสูญเสียฟัน การตกจากที่สูง การถูกไล่ล่า ช่วงเวลาที่น่ากลัวเหล่านี้เป็นแค่บาง “ฝันร้าย” ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกงุนงงว่าเพราะอะไรถึงฝันแบบนี้….?

การสำรวจของ Amerisleep ที่สอบถามผู้คน 2,000 คน พบว่า การตกจากที่สูงเป็นฝันร้ายที่พบได้บ่อยที่สุด โดยมีผู้ตอบมากกว่า 64% ยืนยันว่าเคยฝันแบบนี้ ขณะที่การถูกไล่ล่า การเสียชีวิต หรือรู้สึกหลงทาง ก็เป็นฝันร้ายที่พบบ่อยเช่นกัน รวมทั้งฝันอื่นๆ เช่น การพลาดเหตุการณ์สำคัญ การตื่นสาย การเป็นอัมพาต การสูญเสียคนที่รัก บ้านถูกไฟไหม้ และฟันหลุด

แม้ความฝันจะเป็นปฏิกิริยาต่อความเครียด การใช้ยา สภาวะสุขภาพจิตไม่ดี หรือการนอนหลับไม่เพียงพอ แต่บางฝันร้ายเชื่อว่ามีสาเหตุที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่านั้น

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ความรู้สึกร่วงหล่นลงมา หรือการฝันถึงการตกลงมาจากที่สูง มักเป็นการตอบสนองของร่างกายที่ผ่อนคลายและหลับไป ซึ่งมักจะตามมาด้วยการที่คนๆ นั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมา ซึ่งทาง Healthline ยังระบุว่าความไม่มั่นคง ความวิตกกังวล หรือการรู้สึกท่วมท้นและสูญเสียการควบคุม เป็นสาเหตุหลักของปรากฏการณ์นี้

ประมาณ 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามจาก Amerisleep รายงานว่าฝันถึงการถูกไล่ล่า ซึ่ง Dr. Leslie Ellis นักเขียนและนักวิชาการ กล่าวว่าเป็นหนึ่งในธีมฝันร้ายที่พบได้บ่อยที่สุด “น่าสนใจที่มนุษย์มีธีมฝันที่คล้ายคลึงกันมากจากทุกยุคทุกสมัยและทุกวัฒนธรรม และมักจะเกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณการเอาตัวรอด” เปิดเผยกับ New York Magazine’s The Cut

การฝันถึงการถูกไล่ล่า สามารถเชื่อมโยงกับสัญชาตญาณการต่อสู้หรือการหนี ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่าระดับความเครียดของคนๆ นั้นเพิ่มขึ้น เพราะกำลังเผชิญกับอันตรายบางอย่าง

Autumn Fourkiller นักเขียนและนักวิทยาศาสตร์พื้นเมือง ระบุว่า “บ่อยครั้งที่ฝันว่าถูกไล่ล่ามักจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังหนีจากมัน  ช่วงเวลาที่เครียดในชีวิตสามารถทำให้เกิดฝันการถูกไล่ล่าได้ และมันพบได้บ่อยสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือการแสดงออกทางอารมณ์อย่างชัดเจน”

การสูญเสียฟัน ก็เป็นฝันร้ายที่พบได้บ่อย โดยมีผลกระทบประมาณ 34% ของผู้ตอบสอบถาม และสถานการณ์ฝันร้ายนี้อาจมีสาเหตุหลายประการ ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยกับ Psych Central ว่าการสูญเสียฟันในฝันอาจเป็นสัญญาณของความเครียด ไม่พึงพอใจในลักษณ์ตัวเอง หรือการแสดงออกของความกลัว เช่น การพูดอะไรผิดไปต่อใครบางคน

“ฟันของคุณเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจและความแข็งแกร่ง ฝันนี้อาจแสดงถึงความรู้สึกไม่เพียงพอหรือความเปราะบางในชีวิตของคุณ” Megan Harrison นักบำบัดการแต่งงานและครอบครัวกล่าว

จากการวิจัยของ Get Laid Beds ระบุว่านี่เป็นฝันร้ายที่ถูกรายงานบ่อยที่สุด โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Google ที่แสดงให้เห็นว่าการค้นหาฝันร้ายเกี่ยวกับฟันมีค่าเฉลี่ย 66,600 ครั้งต่อเดือนทั่วโลก

อันดับ 12 ฝันร้ายที่พบบ่อยที่สุด

1. หล่นจากที่สูง – 64.7%

2. การถูกไล่ล่า – 63.3%

3. การตาย – 54.9%

4. รู้สึกหลงทาง – 53.8%

5. ถูกขัง – 52.4%

6. การถูกโจมตี – 49.5%

7. พลาดเหตุการณ์สำคัญ – 43.7%

8. การตื่นสาย – 42.6%

9. การตายของคนที่รัก – 35.8%

10. การได้รับบาดเจ็บ – 35.1%

11. การสูญเสียฟัน – 34.3%

12. ภัยธรรมชาติ – 31.9%

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธี “รับมือฝันร้าย”

เนื่องจากฝันร้ายมักถูกกระตุ้นจากความเครียดในชีวิตจริง Dr. Deborah Lee ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ ซึ่งร่วมงานกับGet Laid Beds ได้แนะนำวิธีการ 5 ข้อในการบรรเทาความวิตกกังวล และลดความถี่ของฝันร้าย

ให้หลีกเลี่ยงการมองหน้าจอ เช่น สมาร์ทโฟน ซึ่งปล่อยแสงสีฟ้าที่เชื่อว่าอาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลั “คุณจะถูกล่อลวงให้เลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้สมองของคุณเต็มไปด้วยสิ่งรบกวนก่อนนอน และจะทำให้การหลับยากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากฝันร้าย” แต่บางสิ่งที่ทำให้ผ่อนคลายก็เป็นประโยชน์ เช่น การอ่านหนังสือ หรือการฟังเสียงที่ผ่อนคลาย

เธอยังแนะนำวิธี 4-7-8 ซึ่งเป็นเทคนิคการหายใจเพื่อการผ่อนคลาย “นี่เป็นวิธีที่ใช้ในการจัดการกับความเครียดและวิตกกังวลที่พบได้บ่อย และทำงานโดยการต่อต้านการตอบสนองความเครียดที่ถูกกระตุ้นจากฝันร้ายของคุณ” เธออธิบาย

“สูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นเวลา 4 วินาที จากนั้นกลั้นหายใจไว้ 7 วินาที เมื่อผ่านสองขั้นตอนแรกแล้ว ให้หายใจออกเป็นเวลา 8 วินาที ทำซ้ำสัก 1-2 ครั้ง มันจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกและช่วยให้คุณสงบลง”

หากฝันร้ายยังคงเกิดขึ้น ลองจดบันทึกประจำวันเพื่อหาสาเหตุที่กระตุ้นความฝัน “การเขียนบันทึกประจำวันเกี่ยวกับความคิดความรู้สึก อาหารและการดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยให้คุณเห็นรูปแบบที่นำไปสู่ฝันร้าย” เธอกล่าว

•  หนุ่มภูมิใจเป็นคน “หลับง่าย” ไปตรวจสุขภาพสะดุ้ง หมอเตือน 4 โรคที่ซ่อนอยู่
• หญิงนอนฝันร้าย 4 คืนติด ในหูได้ยินเสียงปริศนา ต้องให้แพทย์ส่องกล้องดู มีอะไรอยู่ข้างใน?