เปิดผลศึกษา กมธ. เสนอรัฐเร่งดูแลสูงวัย จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่น้อยกว่า 3,000 บาท/เดือน

Home » เปิดผลศึกษา กมธ. เสนอรัฐเร่งดูแลสูงวัย จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่น้อยกว่า 3,000 บาท/เดือน


เปิดผลศึกษา กมธ. เสนอรัฐเร่งดูแลสูงวัย จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่น้อยกว่า 3,000 บาท/เดือน

เปิดผลศึกษา กมธ. เสนอรัฐเร่งดูแลสูงวัย จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่น้อยกว่า 3,000 บาท/เดือน และกระจายอำนาจการจัดการดูแลให้ท้องถิ่น

วันที่ 7 มี.ค.2566 นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก ฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯได้ศึกษาเรื่องผู้สูงอายุ โดยเน้นไปที่กระบวนการสร้างเสริมศักยภาพของผู้สูงอายุในอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่นำอายุของบุคคลมาเป็นเกณฑ์ ในการจำแนกบทบาทหน้าที่ต่อตัวผู้สูงอายุเอง หรือต่อบุคคล และสังคม

โดยพิจารณาที่ความรู้ ความสามารถ และการพัฒนาตนเองไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับคนทุกวัยแทน จึงเป็นการแก้ไขปัญหาสังคมสูงวัยสำหรับประเทศไทยที่ยั่งยืน และผลสุดท้ายจะนำไปสู่สังคมที่ไร้อายุ อายุไม่ใช่ปัญหาในการหยุดการทำหน้าที่ ที่บุคคลนั้นต้องการอีกต่อไป ตราบใดที่มีศักยภาพเพียงพอและยังมีความต้องการที่จะดำเนินการ ตามความเหมาะสมของสภาวะสังคม

จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯได้ค้นพบว่าจะต้องให้ความสำคัญ ในการสร้างเสริมศักยภาพของผู้สูงอายุในอนาคตเน้นไปที่ผู้สูงอายุที่มีศักยภาพที่พร้อมรับการส่งเสริม และขณะเดียวกันระบบการบริหารจัดการผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพิงหรือกลุ่มผู้ป่วยต้องมีกระบวนการรองรับ โดยไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของกลุ่มคนวัยอื่น ๆ โดยเฉพาะในวัยทำงานและวัยสูงอายุที่ยัง มีศักยภาพอยู่ โดยไม่เป็นการผลักภาระไปให้กลุ่มคนวัยใดวัยหนึ่ง

คณะกรรมาธิการได้สรุปผลการศึกษา ในเรื่องนี้เป็นประเด็นต่าง ๆ ประกอบด้วย

(1) การจัดการศึกษาเพื่อเสริมทักษะจำเป็นสำหรับ ผู้สูงอายุ และสร้างกลไกเพิ่มเติมในการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุจากสถานการณ์ผู้สูงอายุในปัจจุบัน

(2) การปรับปรุงกฎหมาย เครื่องมือ หรือกลไกในการทำงาน และการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ

(3) การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการดำรงชีวิตในปัจจุบันของผู้สูงอายุ

(4) การดูแลผู้สูงอายุ ที่อยู่ลำพัง ผู้ที่ต้องพึ่งพิง การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และการจัดการเรื่องที่พักอาศัยที่เหมาะสมตามวัย

ด้าน นายสุรพงษ์ กองจันทึก ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการฯกล่าวว่า จากการศึกษาได้ข้อสรุปที่เป็นข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่สำคัญได้แก่ คณะรัฐมนตรีควรจัดสรรการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ซึ่งไม่น้อยกว่า 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน อาจเพิ่มแบบขั้นบันได โดยตั้งต้นที่เดือนละ 1,500 บาทต่อคนต่อเดือน และเพิ่มปีละ 200 บาท จนกว่าจะเพียงพอต่อการดำรงชีพ

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่น ควรเร่งถ่ายโอนภารกิจงานและงบประมาณด้านผู้สูงอายุให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม เพื่อเข้ามามีบทบาทในการดูแล สงเคราะห์ และคุ้มครองสวัสดิภาพผู้สูงอายุ ได้รวดเร็วและตรงต่อความต้องการของผู้สูงอายุมากขึ้น ทั้งควรมีการออกแบบเครื่องมือหรือกฎหมายที่จะสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถเข้าไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจงานด้านผู้สูงอายุได้มากขึ้น เกิดความชัดเจน คล่องตัว และตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุให้ครบทุกกิจกรรม

กระทรวงแรงงาน ควรมีการส่งเสริมการพัฒนาอาชีพตลอดชีวิตให้กับผู้สูงอายุ สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงงานของผู้สูงอายุให้ทันต่อโลกปัจจุบัน การกำหนดค่าตอบแทนแรงงานที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากคุณค่าของงาน ประสบการณ์ความชำนาญ ปราชญ์ชาวบ้าน

กระทรวงศึกษาธิการ ควรมีการกำหนดหลักสูตรการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุขึ้นโดยตรง สร้างแหล่งเรียนรู้หรือจัดสถานศึกษาที่มีอยู่หรือที่ไม่ได้ใช้งานให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในหลักสูตรการจัดการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุและสำหรับคนทุกช่วงวัย นอกจากนี้ควรมีการกำหนดให้มีการเทียบโอนคุณวุฒิ จากประสบการณ์ ความชำนาญ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อการจ่ายค่าตอบแทนแรงงานของผู้สูงอายุที่เหมาะสมด้วย

และกระทรวงมหาดไทยควรเร่งปรับปรุงแก้ไขแนวทางประกอบการใช้ดุลพินิจในเรื่อง คุณสมบัติของผู้แปลงสัญชาติเป็นไทย ของผู้สูงอายุ ตามมาตรา 10 (4) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ โดยกำหนดให้ ผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านใดให้ถือว่ามีภูมิลำเนาที่นั้น และดำเนินการแปลงสัญชาติให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

คณะกรรมาธิการฯได้จัดทำรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการสร้างเสริมศักยภาพของผู้สูงอายุ และได้จัดส่งข้อสังเกตที่เป็นข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ