วันที่ 2 มกราคม 2567 เกิดข่าวช็อก! “อี แจมยอง” วัย 59 ปี ผู้นำฝ่ายค้านทางการเมืองของเกาหลีใต้ ถูกแทงในการแถลงข่าว ที่เมืองท่าปูซานทางตอนใต้
- ด่วน! “อี แจมยอง” ผู้นำฝ่ายค้านเกาหลีใต้ ถูกบุกแทงคอกลางวงสื่อ มือมีดโดนรวบทันควัน
ประวัติ “อี แจมยอง” จากเด็กยากจน สู่นักการเมืองแนวหน้า
“อี แจมยอง” (Lee Jae-myung) เกิด 22 ธันวาคม พ.ศ.2507 เกิดในครอบครัวที่ยากจนในอันดง อีกทั้งบิดายังติดการพนัน เป็นลูกคนที่ห้าจากทั้งหมดเจ็ดคน สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาเท่านั้น ต่อมาได้ย้ายตามครอบครัวไปอาศัยในซองนัม และทำงานอยู่ที่โรงงานผลิตถุงมือ ที่นั่นเขาเกิดอุบัติเหตุเครื่องจักรทับมือจนพิการ ทำให้ต่อมาได้รับการยกเว้นจากการเกณฑ์ทหาร
อย่างไรก็ดี ในขณะที่ทำงานในโรงงานแทนที่จะเป็นนักเรียนมัธยมต้น เขาได้เห็นนักเรียนกลุ่มหนึ่งสวมชุดนักเรียน ทำให้มีความปรารถนาที่จะเข้ากลับเข้าสู่เส้นทางการศึกษาอีกครั้ง กระทั่งได้ทุนการศึกษาในวิทยาลัยนิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยจุงอัง (Chung-Ang University) ตามมาด้วยสอบเนติบัณฑิต และเข้าเรียนที่สถาบันวิจัยและฝึกอบรมตุลาการ ด้วยความตั้งใจจะเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการ เพื่อเรียกร้องสิทธิมนุษยชนและแรงงาน
ต่อมา ได้เปิดสำนักงานทนายความ จัดตั้งองค์กรด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน ชื่อเสียงในฐานะทนายความและนักเคลื่อนไหวทางสังคม อย่างไรก็ตาม ประมาณปี 2545 โรงพยาบาลทั่วไปสองแห่งในซองนัมปิดตัวลง เขาเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อสร้างโรงพยาบาลเทศบาลแห่งใหม่ แต่ถูกสภาเมืองปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มของเขาเริ่มดำเนินการประท้วง และถูกหมายเรียกเนื่องจากขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ตอนนั้นเองทำให้ “อี แจมยอง” ตระหนักว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านการเคลื่อนไหวทางสังคมได้ จึงตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางการเมือง
เส้นทางการเมือง ขวัญใจชนชั้นแรงงาน นโยบายโดนใจวัยรุ่น
“อี แจมยอง” เข้าสู่การเมืองในปี 2548 ในตอนเริ่มต้นพ่ายเลือกตั้งไปสองสามสนาม ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีซองนัมในปี 2553 และได้รับเลือกอีกครั้งในปี 2557 กระทั่งตัดสินใจยุติการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีในปี 2561 เพื่อลงสมัครรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี และประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม นั่งเก้าอี้ผู้ว่าราชการจังหวัดคนที่ 35 ตั้งแต่ปี 2561-2564
ต่อมา “อี แจมยอง” กลายเป็นแคนดิเดทคนสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประจำปี 2565 ซึ่งพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดายให้กับประธานาธิบดี “ยุน ซอกยอล” ด้วยคะแนนที่เฉือนกันเพียง 0.73% เรียกได้ว่าเป็นศึกเลือกประธานาธิบดีที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้
ทั้งนี้ “อี แจมยอง” เป็นนักการเมืองจากพรรคประชาธิปไตย พรรคเดียวกับ “มุน แจอิน” อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถือว่ามีจุดยืนคือเสรีนิยมอย่างชัดเจน หรือที่เรียกกันว่า “ฝ่ายซ้าย” ในขณะที่ “ยุน ซอกยอล” เป็นนักการเมืองจากพรรคพลังประชาชน จุดยืนฝ่ายขวาตามฉบับพรรคอนุรักษ์นิยม
หลังจากพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี “อี แจมยอง” ดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภา และผู้นำพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี โดยมีการคาดการณ์กันในวงกว้างว่าเขาจะลงชิงเก้าอี้ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งจะมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนเมษายนปีนี้