สิ้นสุดการคอยสำหรับ iPad Pro รุ่นใหม่ที่คราวนี้มาพร้อมกับความโปรที่สมชื่อเพราะมีการใช้เทคโนโลยีจากคอมพิวเตอร์ลงมาใส่ในเครื่องได้แบบเต็มที่อย่าง Apple M1 แต่ยังอยู่ภายใต้กระดองแบบเดิมอยู่
รายละเอียดตัวเครื่องขอเริ่มจาก หน้าจอของเครื่องมีขนาด 11 นิ้วที่มีเทคโนโลยี Liquid Retina Display รุ่นเดิม และ 12.9 นิ้ว ถูกอัปเกรดไปใช้หน้าจอแบบ Liquid Retina XDR ให้ความสว่างสูงสุด 1,600 nits, Contrast 1,000,000 : 1 แต่ความบางยังคงเท่าเดิม และ ความลับคือมีการติดตั้ง Mini LED ในหน้าจอที่มากทั้งหน้าจอ มากถึง 10,000 Mini LEDs และมีการติดฟิล์มช่วยให้การแสดงผลหน้าจอได้ จุดเด่นอของจอแบบนี้คือ ประหยัดไฟกว่ารุ่นเดิม แถมรองรับกับเทคโนโลยี Pro Motion ที่ขยับได้ถึง 120Hz
ขุมพลังของ iPad Pro ครั้งนี้จะเป็น Apple M1 ที่มีจุดเด่นคือการทำงานที่เร็วมากบนคอมพิวเตอร์ Mac ในที่สุดก็มาอยู่ใน iPad Pro แทบไม่ต้องถามว่าประสิทธิภาพของมันแรงกว่าเดิม 50%, ถือว่าเร็วว่ารุ่นแรก 75 เท่า ทำให้สามารถออกแบบการตัดเพื่อการทำงานวิดีโอและงานต่างๆ ได้ดี พร้อมกับมี GPU ที่ดีกว่าเดิม 40% หรือ 1,500 เท่าจากรุ่นแรก ระบบปฏิบัติการยังคงเป็น iPad OS เช่นเคย
ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ยังได้ความจำเร็วกว่าเดิม 2 เท่า และความจำสูงสุด 2TB และ RAM จะให้มากที่สุดคือ 16GB และยังมี USB-C รองรับ Thunderbolt ดังนั้นการทำงานของมันจะเร็วมากขึ้น และยังรองรับ 5G ทั้ง Sub-6 และ mmWave ที่สามารถรองรับได้ในบางประเทศ
กล้องของ iPad Pro จะมีการรองรับการทำงานกับ Green Screen และมีการทำงานร่วมกับโปรแกรม 3D ที่วางวัตถุได้ด้วย และมี ISP ที่ปรับปรุงให้ภาพที่สวยงามด้วยกัน ส่วนกล้องหน้าจะมีการเพิ่ม Depth Sensor เข้าไป ส่วนกล้องจะมีการเปลี่ยนมาใช้กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมองกว้างมากขึ้น และมีการขยับภาพเอง หรือ Center Stage ส่วนกล้องหลัง ใช้ตัวเดิม
ส่วนอุปกรณ์เสริม สามารถใช้กับรุ่นเดิมได้ทั้ง Apple Pencil 2, Smart Keyboard, Magic Keyboard ที่มีการเพิ่มสีขาวเข้าไปนั่นเอง ส่วนราคาในประเทศไทยมีดังนี้
- iPad Pro 11 นิ้ว เริ่มต้น 27,900 บาท
- iPad Pro 12.9 นิ้ว เริ่มต้น 37,900 บาท
เริ่มเปิดสั่งจองได้ 30 เมษายน พร้อมวางจำหน่ายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน พฤษภาคม คาดว่าประเทศไทยจะวางจำหน่ายรุ่น Wi-Fi ก่อน