ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นบุคลากรด้านครีเอทีฟจำนวนมากที่มองว่างานสร้างสรรค์ 3D เป็นงานที่น่าตื่นเต้น แต่ยังเข้าถึงยาก แน่นอนว่าเรารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับโลกแฟนตาซีที่สวยงามที่นักพัฒนาเกมสร้างขึ้น รวมถึงวิชวลเอฟเฟ็กต์ 3D ที่เพิ่มความสมจริงในภาพยนตร์ แต่ก็มีครีเอทีฟหลายคนที่คิดว่าการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบ 3D ต้องใช้ทักษะด้านเทคนิคระดับสูง ซึ่งแท้จริงแล้วเทคโนโลยี 3D ขับเคลื่อนจินตนาการของเรา แต่เรากลับไม่สามารถใช้เทคโนโลยีนั้นได้ด้วยตนเอง
สถานการณ์แพร่ระบาดก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อเรื่องนี้อย่างมาก กล่าวคือ ทำให้ทีมโปรดักชั่นไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อทำงานถ่ายภาพหรือโปรเจ็กต์ด้านครีเอทีฟอื่นๆ ดังนั้นบริษัทต่างๆ จึงต้องหันไปพึ่งพาระบบ 3D สำหรับการสร้างสรรค์ผลงาน แบรนด์แฟชั่นใช้ระบบ 3D เพื่อเพิ่มความรวดเร็วให้กับงานดีไซน์
ขณะที่บริษัทค้าปลีก Lowe’s ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อเปลี่ยนแคตตาล็อกทั้งหมดเป็นรูปแบบดิจิทัลเพื่อให้ลูกค้าช้อปปิ้งได้เสมือนเลือกสินค้าหน้าร้าน นอกจากนี้ เทคโนโลยีการถ่ายภาพเสมือนจริงแบบ 3D ได้กลายเป็นรากฐานสำหรับแคมเปญด้านการตลาดของ Ben & Jerry
บริษัทเหล่านี้ รวมถึงบริษัทอื่นๆ อีกหลายพันแห่งพบว่าการสร้างสรรค์ผลงานในระบบ 3D นอกจากจะช่วยเพิ่มอิสระในด้านความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น และมีความยั่งยืนมากกว่าอีกด้วย โชคดีที่การแพร่ระบาดจะไม่อยู่กับเราตลอดไป แต่ 3D จะยังถูกใช้งานต่อไป เพราะเป็น Next-gen ของงานครีเอทีฟ
เพื่อเสริมศักยภาพให้แก่บุคลากรด้านครีเอทีฟสำหรับการทำงาน 3D ให้ประสบความสำเร็จ วันนี้เราจึงได้เปิดตัว Adobe Substance 3D Collection ชุดเครื่องมือและบริการที่รองรับการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบ 3D ตั้งแต่ต้นจนจบทุกโปรเจ็กต์
คอลเลกชั่นนี้มีความเป็นมาที่โดดเด่นในแวดวง 3D โดยพัฒนาต่อยอดจากชุดซอฟต์แวร์ Substance ซึ่งมีผู้ใช้งานมานานหลายปีในการสร้างเกมระดับ AAA เช่น Half Life Alyx และ Microsoft Flight Simulator รวมถึงภาพยนตร์อย่างเช่น Star Wars: Episode IX และ Blade Runner 2049 (ได้รับรางวัลออสการ์ สาขาวิชวลเอฟเฟ็กต์ยอดเยี่ยม)
นอกจากนี้ยังถูกใช้สำหรับงานออกแบบ สถาปัตยกรรม และอื่นๆ ทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง Substance ได้ร่วมทำงานกับอะโดบีเมื่อสองปีที่แล้ว และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้พัฒนาชุดเครื่องมือ 3D แบบครบวงจรที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และใช้งานง่ายขึ้น
เป้าหมายของทีมคือ การสร้างเครื่องมือที่ง่ายแก่การเรียนรู้ แต่รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลายในระยะยาว เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด Substance 3D นำเสนอเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่างที่อาร์ตทิสต์ 3D มืออาชีพต้องการ ควบคู่กับการปรับปรุงเทคโนโลยีดังกล่าวให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้หน้าใหม่ที่สนใจ
งาน 3D คอลเลกชั่นนี้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อลดความซับซ้อนด้านเทคนิคสำหรับงานออกแบบ 3D มาพร้อมกับอินเทอร์เฟซ “what you see is what you get” อย่างที่ผู้ใช้คุ้นเคยจากโปรแกรม Photoshop หรือ Illustrator และคอลเลกชั่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่ยังมีโมเดล ผิวสัมผัส ระบบแสง และแอสเซ็ทอื่นๆ หลายพันรายการ ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานเพื่อเริ่มต้นโปรเจ็กต์ได้ทันที
Substance 3D Collection ประกอบด้วย:
Substance 3D Stager: พัฒนาต่อยอดจาก Adobe Dimension โดย Stager ช่วยให้ผู้ใช้สร้างโมเดล วัสดุ และแสง-เงาในฉาก 3 มิติได้อย่างง่ายดาย สร้างภาพถ่ายเสมือนจริง และการเรนเดอร์ภาพที่สวยงามอย่างน่าทึ่ง
Substance 3D Painter: โดยมากแล้วมักจะถูกขนานนามว่าเป็นโปรแกรม Photoshop ในรูปแบบ 3 มิติ โดย Painter ช่วยให้ผู้ใช้ปรับผิวสัมผัสและวัสดุสำหรับวัตถุ 3 มิติ ผิวสัมผัสที่เต็มไปด้วยรายละเอียดซึ่งสามารถปรับแต่งได้อย่างไม่รู้จบคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้วัตถุ 3 มิติดูสมจริงอย่างมากจนรู้สึกเหมือนสามารถเอื้อมมือไปหยิบจับวัตถุนั้นได้
Substance 3D Sampler: Sampler (พัฒนาต่อยอดจาก Substance Alchemist) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการสร้างวัสดุ โดยผู้ใช้สามารถดึงเอาภาพถ่ายเข้ามา แล้วเรียกใช้ฟิลเตอร์และรวมองค์ประกอบต่างๆ เพื่อสร้างผิวสัมผัสหรือวัสดุอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที
Substance 3D Designer: ผู้ใช้สามารถดีไซน์วัตถุ และพื้นผิวแบบ 3D โมเดลตามสไตล์ของตัวเองได้
Substance 3D Asset Library: : ทีมงานฝ่ายคอนเทนต์ของอะโดบีได้สร้างแอสเซ็ท 3D ที่ปรับแต่งได้หลายพันรายการ ทั้งในส่วนของโมเดล แสง และวัสดุ โดยโมเดลที่ว่านี้ครอบคลุมทุกสิ่ง ตั้งแต่ไขควงขึ้นสนิม ไปจนถึงห้องโดยสารบนเครื่องบิน และครอบคลุมการใช้งานทุกประเภท ตั้งแต่การออกแบบแฟชั่นและรถยนต์ ไปจนถึงสถาปัตยกรรมและเกม ครบทุกสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการสำหรับการเริ่มต้นโปรเจ็กต์ใดๆ ก็ตามที่พวกเขาวางแผนไว้ และช่วยให้ฉากในโปรเจ็กเต็มไปด้วยรายละเอียดและความแตกต่าง นอกจากนั้นยังสามารถดูวิธีการสร้างแอสเซ็ทโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยให้ปรับใช้เทคนิคแบบเดียวกันกับงานสร้างสรรค์ของผู้ใช้ได้
คอลเลกชั่นนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์นวัตกรรม 3D ของอะโดบี นอกจากนี้เรายังเปิดให้ใช้งานรุ่นเบต้าสำหรับเครื่องมือใหม่ Substance 3D Modeler ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างโมเดลที่จะช่วยสร้างวัตถุ 3 มิติในแบบฉบับของตนเอง โดยนักสร้างโมเดลจะสามารถใช้อินเทอร์เฟซ VR เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นธรรมชาติของดินปั้นด้วยมือของผู้ใช้ และสามารถโต้ตอบกับโมเดลบนเดสก์ท็อป เพื่อสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนควบคุมที่แม่นยำของเมาส์และแท็บเล็ต
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 3D ก็คือ ความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย แม้ว่าปัจจุบันนักออกแบบจำนวนมากใช้ระบบ 3D เพื่อสร้างภาพด้านการตลาดและแคตตาล็อกสินค้า แต่ก็ยังสามารถรองรับการสร้างโลกที่ชวนดื่มด่ำในรูปแบบของ Virtual Reality หรือ Augmented Reality ซึ่งเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้สร้างสรรค์อย่างแท้จริง
และอะโดบีเชื่อว่าประสบการณ์ของเราในอนาคตจะมาในรูปแบบของอินเทอร์เฟซ 3D ที่ทำให้ผู้ใช้ต้องประหลาดใจ ศิลปินคือคนช่างฝันที่มีความกล้าเสี่ยง และเป็นผู้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นผลงานที่ครีเอเตอร์สร้างขึ้นโดยใช้ Substance 3D Collection ต่อไป
ข่าวประชาสัมพันธ์