จากกรณีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 65 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ. ผบก.ภ.จว.สงขลา นายวรสุทธิ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา นางสาวฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์ จ.สงขลา ปศุสัตว์ จ.สงขลา
นำกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบ บริษัทปิติซีฟู๊ด จำกัด ที่อยู่. 125/1 หมู่ 5 ถนนสงขลา-ปัตตานี ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็น บริษัทรับฝากและให้เช่าห้องเย็น และพบพบ เนื้อสุกร ที่ถูกแช่แข็งไว้ 201,650 กก. โดย พาณิชย์สงขลาวิ่งโร่ขึ้นโรงพัก แจ้งความบริษัทปิติซีฟูดส์ ข้อหา”ไม่แจ้งปริมาณในครอบครอง” เบทาโกร”เนื้อสุกรไม่ตรงกับสินค้าที่ตรวจสอบ” จี้นำข้อมูลรับมา/จ่ายไป
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ได้ออกจดหมายชี้แจง เรื่อง การตรวจสอบห้องเย็นกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรในจังหวัดสงขลา ระบุ ว่า จากกรณีที่ปรากฏรายงานข่าวการเข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา และพบว่ามีการเก็บรักษาเนื้อสุกรจากบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง จำนวน 201,650 กิโลกรัมในห้องเย็นดังกล่าวนั้น
บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การจัดเก็บรักษาเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง และสาขาในกลุ่ม ในบริษัทห้องเย็นตามที่ระบุในรายงานข่าว เป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทาง การปฏิบัติโดยปกติ ภายใต้มาตรฐานการจัดส่งสินค้า เพื่อการสำรองสินค้ารองรับการจัดส่ง 5-7 วันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค โดยครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในภาคใต้ตอนล่างมากกว่า 8 จังหวัด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแจ้งข้อมูลปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่เก็บในห้องเย็นนั้นต่อกระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบล่วงหน้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 211,361 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ที่ระบุให้ “ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่ง ที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัม ขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้า ภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน โดยเริ่มวันที่ 10 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การจัดการสต๊อกดังกล่าวเป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางปฏิบัติโดยปกติ มิใช่การกักเก็บสินค้าเป็นเวลานาน เพื่อเป้าหมายด้านราคาที่สูงขึ้นแต่ประการใด บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ครอบคลุมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการรายงานแจ้งจำนวนสต๊อกตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อปริมาณสุกรและระดับราคาที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ตระหนักถึงความกังวลใจของผู้บริโภคต่อกรณีดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ
กรมปศุสัตว์อย่างถูกต้องครบถ้วน รวมถึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ของผู้บริโภค โดยการผสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หมูปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรมให้กับประชาชน ในโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยการจำหน่ายหมูสดในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ณ จุดจำหน่ายในโครงการ 667 แห่งทั่วประเทศ
เครือเบทาโกร ยึดมั่นในเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่ดี มีบรรษัทภิบาล พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสื่อสารสร้างความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรต่างๆ ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์อาหารสดและแปรรูป ที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตดีของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน