เบญจา จวก บิ๊กตู่ บิดเบือนยุติธรรม ใช้112 กำจัดคนเห็นต่าง จี้ปล่อยตัว ‘ใบปอ-บุ้ง’

Home » เบญจา จวก บิ๊กตู่ บิดเบือนยุติธรรม ใช้112 กำจัดคนเห็นต่าง จี้ปล่อยตัว ‘ใบปอ-บุ้ง’


เบญจา จวก บิ๊กตู่ บิดเบือนยุติธรรม ใช้112 กำจัดคนเห็นต่าง จี้ปล่อยตัว ‘ใบปอ-บุ้ง’

เบญจา ซัด ประยุทธ์ บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม ใช้กม.กำจัดคนเห็นต่าง ก้าวไกลร่วมจี้กลางสภาปล่อยตัว ‘ใบปอ-ผักบุ้ง’ ทวงคืนความปกติให้สังคม

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต เป็นวันที่ 4 โดย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กรณีขาดจิตสำนึกในการเป็นประชาธิปไตย ไร้การเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน มุ่งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อปิดปากประชาชน ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างร้ายแรงที่สุด

โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำประเทศที่ชอบอ้างกฎหมายและสั่งสอนประชาชนอยู่ตลอดว่า ให้เคารพกฎหมาย ทั้งที่ตนเองเข้าสู่อำนาจจนถึงทุกวันนี้เพราะใช้กฎหมายอย่างบิดเบือน เป็นคนฉีกกฎหมายและเขียนขึ้นมาใหม่ เพื่อสืบทอดอำนาจให้กับตนเอง

น.ส.เบญจา กล่าวว่า มหากาพย์เรื่องนี้ เริ่มจากพล.อ.ประยุทธ์ ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อปูทางไปสู่การยึดอำนาจและก่รัฐประหาร เขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่เพื่อให้ตนเองและคณะได้อยู่ในอำนาจต่อจนถึงทุกวันนี้ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา นับเป็นความสูญหายของพวกเรา โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำให้กฎหมายกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองแล้วบิดเบือนการใช้กฎหมายอย่างเป็นระบบ ถูกใช้อย่างฉ้อฉลตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

น.ส.เบญจา กล่าวอีกว่า เราได้เห็นการใช้กฎหมาย ทั้งในรูปแบบคำสั่งคสช. ไม่ว่าการห้ามประชาชนรวมกลุ่มหรือชุมนุม กฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติซึ่งคสช.แต่งตั้งมา หรือกฎหมายความมั่นคงต่างๆ โดยเฉพาะมาตรา 116 และมาตรา 112 มาใช้ดำเนินคดีกับประชาชนที่ออกมาต่อต้านรัฐประหารเป็นจำนวนมาก นำตัวพลเรือนไปคุมตัวในค่ายทหารและดำเนินคดีในศาลทหาร

ตั้งแต่ปี 2557-2561 คดีการเมืองเกิดขึ้นมาก ซึ่งแตกต่างจากรัฐประหารปี 2549 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ การดำเนินคดีมาตรา 112 ในยุครัฐบาลคสช. ดำเนินการอย่างเข้มข้นและเบาบางลงในปี 2561 และกลับมาเข้มข้นอีกครั้งในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งสมัยนั้น หากใครถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 จะถูกคุมตัวไปไว้ในค่ายทหารก่อนส่งตัวให้กับตำรวจ โดยระหว่างที่อยู่ในค่ายทหารก็ไม่สามารถติดต่อกับทนายความได้ ทำให้ผู้ต้องหาในคดีนี้ไม่ได้รับสิทธิ์พิจารณาคดีที่เป็นธรรม

น.ส.เบญจา กล่าวว่า ยังมีหมาย จ.14 เป็นเอกสารที่พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายของพล.อ.ประยุทธ์ มอบให้พนักงานสอบสวนแจ้งความดำเนินคดีกับ 6 แกนนำที่จัดชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง ภายหลังเอกสารชิ้นนี้ กลายเป็นหลักฐานสำคัญในคดี โดยหมายจ.14 เป็นเอกสารเกี่ยวกับข้อพิจารณากรณีผู้ชุมนุมต่อต้านคสช. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 ก.พ.61 ซึ่งในเอกสารสรุปว่า แกนนำมีเจตนายุยง ปลุกปั่นให้ประชาชนรวมตัวกันขับไล่รัฐบาล จึงเป็นความผิดตามมาตรา 116 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ คิดอย่างไรกับประชาชน และเป็นไปเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างไร น

อกจากดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว ยังสั่งให้ใช้ปฏิบัติการณ์ IO ในการด้อยค่าว่าผู้ชุมนุมไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง

น.ส.เบญจา กล่าวว่า แม้หลังปี 2561 จะมีการเลือกตั้ง ทำให้สถานการณ์เบาบางลง แต่กระแสการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งในปี 2563 จึงเกิดการดำเนินคดีการเมืองและการใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างบิดเบือนตามนโยบายสมัย คสช. อย่างรุนแรง กว้างขวาง และสร้างความเสียหายร้ายแรงมากกว่าเดิมอย่างมาก โดยเฉพาะการนำมาตรา 112 กลับมาใช้อีกครั้ง ในลักษณะคดีนโยบาย มาดำเนินคดีกับแกนนำการชุมนุม มีการฟ้องในต่างจังหวัด ให้ผู้ต้องหาต้องสู้คดีด้วยความยากลำบาก มีการรื้อฟื้นคดีย้อนหลังไปหลายปี และยังดำเนินคดีไม่เว้นแม้แต่เยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี หรือเพียงการแสดงออกอย่างการแต่งชุดครอป เป็นต้น

จากวันที่ 18 ก.ค.63 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.65 มีผู้ถูกดำเนินคดีจากสถานการณ์ชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไปแล้วอย่างน้อย 1,832 คน โดยเป็นเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 282 ราย มีผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา112 กว่า 200 คน

“ดิฉันและพรรคก้าวไกล ขอเรียกร้องให้ปล่อย บุ้ง ใบปอ และนักต่อสู้ทางการเมืองทุกคน เพื่อคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คืนความยุติธรรมให้กับประชาชน และคืนความยุติธรรมให้กับสังคมนี้โดยด่วนที่สุด และด้วยเหตุผลทั้งหมด ดิฉันไม่อาจไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งต่อไปแม้อีกเพียงเสี้ยววินาทีเดียว และจะขอเชิญชวนเพื่อนสมาชิก ร่วมกันยืนตรงอย่างทะนงองอาจ ทำหน้าที่ผู้แทนที่มีกระดูกสันหลัง ช่วยกันปลดล็อกฉนวนระเบิดจากระบอบที่พล.อ.ประยุทธ์ สร้างขึ้นมา

ด้วยการเริ่มต้นเอาพล.อ.ประยุทธ์ออกไป ซึ่งหลังจากพล.อ.ประยุทธ์พ้นอำนาจไปแล้ว ขอเรียกร้องให้คืนความยุติธรรมให้แก่ประชาชนทุกคนที่ถูกดำเนินคดี นับตั้งแต่รัฐประหารปี 57 ด้วยกระบวนการที่ไม่ยุติธรรมของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรมีใครต้องถูกคุมขัง” น.ส.เบญจา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการอภิปรายของน.ส.เบญจา กลุ่มส.ส.พรรคก้าวไกล ที่นั่งอยู่ในห้องประชุม ได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับชูภาพใบหน้าของ น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ และน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือผักบุ้ง จำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อเรียกร้องให้ทั้ง 2 คนได้รับสิทธิ์ประกันตัวต่อสู้คดี และปล่อยนักต่อสู้ทางการเมืองทุกคน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ