“เนสกาแฟ” ในฐานะแบรนด์กาแฟอันดับ 1 ของไทย ไม่เคยพลาดที่จะร่วมฉลองให้กับวันกาแฟสากลซึ่งตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี
ปีนี้ก็เช่นกัน เนสกาแฟล็อกวันพฤหัสที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา จัดงาน “NESCAFÉ DAY 2023” ที่ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน โดยความพิเศษของปีนี้ ทำมากกว่าแค่จัดงานให้ความรู้เรื่องกาแฟทั่วๆ ไป แต่ยังจัดกิจกรรมชวนคนไทยมารวมพลังทำสิ่งดีๆ เพื่อโลก ด้วยการปลูกต้นไม้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนตามหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมฉลองวันกาแฟสากลและร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับโลก ที่สำคัญยังเป็นการสานต่อพันธกิจ ‘เนสกาแฟ แพลน 2030’ อีกด้วย
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูภายใต้โครงการ ‘เนสกาแฟ แพลน 2030’ โดยมีเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่วงการกาแฟในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050”
นางสาวศรีประภา จิงประเสริฐสุข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราจะนำต้นไม้ไปปลูกที่บริเวณสวนกาแฟในจังหวัดชุมพร และส่งมอบต้นไม้ส่วนหนึ่งให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดความยั่งยืน และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในอีกหลายๆ จังหวัดในประเทศไทย”
เนสกาแฟได้เนรมิต Glass House ขนาดใหญ่ พร้อมจำลองเรื่องราวของสวนกาแฟที่ปลูกโดยใช้การเกษตรเชิงฟื้นฟูหรือ ‘Regenerative Agriculture’ ในโซน ‘Nescafe Sustainability Green House’ ภายใต้แนวคิด ‘ชงเนสกาแฟปลูกความยั่งยืน’ ให้คนไทยได้เห็นถึงความทุ่มเทของเกษตรกรสู่กาแฟคุณภาพผ่านการเกษตรเชิงฟื้นฟู ซึ่งส่งเสริมการปลูกกาแฟคุณภาพควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วย 3 หลักการ คือ ปกป้อง ทดแทน และฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกกาแฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งดินและน้ำ เพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรการเกษตรและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อคนรุ่นต่อไป ภายใต้โครงการด้านความยั่งยืนระดับโลก ‘เนสกาแฟ แพลน 2030’ ที่มุ่งส่งเสริมและให้ความรู้กับเกษตรกรไทยมานานหลายทศวรรษ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชหลากชนิดเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและยังเป็นการเสริมรายได้ให้เกษตรกรอีกด้วย
“เนสกาแฟทุกๆ แก้วที่คุณดิ่ม มีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เพราะเบื้องหลังกาแฟคุณภาพของเนสกาแฟคือความทุ่มเทของเกษตรกรชาวไร่กาแฟเรา”
งานนี้จะทำให้เห็นถึงความใส่ใจเรื่องการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถรีไซเคิลได้ และยังมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ซองเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ให้ทำจากพลาสติกตระกูลเดียวกันที่เรียกว่า Mono Structure ซึ่งได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ในขณะที่เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มทั้งหมด ได้เปลี่ยนมาเป็นกระป๋องอะลูมิเนียม ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100 % และยังมีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษในกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อย และไม่มีน้ำตาลทราย ทดแทนพลาสติก
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ชุบชูใจคนรักเนสกาแฟคือ การรวมตัวของเหล่าพรีเซนเตอร์เนสกาแฟ นำทีมโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ, กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์, ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร, หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย และ แจม-รชตะ หัมพานนท์ มาร่วมพูดคุยเรื่องราวความประทับใจที่มีต่อความยั่งยืนด้านต่างๆ ของเนสกาแฟ ไปจนถึงเคล็ดลับการส่งต่อความยั่งยืนในโลก
เริ่มกันที่ ณเดชน์ เล่าถึงวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกว่า “ผมว่าสิ่งที่ใกล้ตัวและทุกคนทุกบ้านสามารถทำได้ นั่นคือ การแยกขยะ หลักการง่ายๆ ของผม คือ แยกประเภท และไม่ทิ้งเศษอาหารไปปะปนกับขยะอื่น ๆ เพราะถ้าเราแยกได้ บรรจุภัณฑ์จะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ ซึ่งมันจะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการใช้ไฟฟ้าน้อยลง และลดการปล่อยของเสียสู่โลก และจะเน้นเลือกใช้สินค้าบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก อย่างเนสกาแฟก็จะมีโลโก้คำว่า “ฉันรีไซเคิลได้”
ด้าน ต่อ ธนภพ เห็นด้วยว่าแค่เริ่มทำจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัว ก็ช่วยสร้างความยั่งยืนได้ “ผมมองว่า ทุกคนไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ เพราะต่อให้เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะสามารถช่วยสร้างความยั่งยืนได้ ผมให้ความสำคัญเรื่องการลงมือทำ และยิ่งถ้าเราทำพร้อมกัน ทำทุกคน มันจะ impact มาก เพราะความยั่งยืนไม่สามารถจะเกิดจากคน ๆ เดียวได้ครับ และในวันที่ผมว่างจากการถ่ายละคร เวลาจะออกไปไหน ก็จะเดินชิลล์ๆ หรือใช้บริการรถไฟฟ้า ไม่ขับรถ หรือใช้รถตู้ นั่งด้วยกันหลาย ๆ คน เป็นการ car pool ก็เป็นอีกทางที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดโลกรวนได้ครับ”
กลัฟ คณาวุฒิ พูดถึงเรื่องการปลูกต้นไม้ เขาบอกว่า “ถึงจะฟังดูเป็นเรื่องเบสิกที่พูดกันมาตลอดแต่ต้องยอมรับว่านี่เป็นวิธีช่วยโลกที่ดีวิธีหนึ่ง “การปลูกต้นไม้ก็เป็นการส่งต่อความยั่งยืนให้โลก มันช่วยเพิ่มการดูดซับคาร์บอน สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ระบบนิเวศที่สมบูรณ์”
ในขณะที่หนุ่ม กรรชัย ในฐานะพรีเซ็นเตอร์เนสกาแฟกระป๋อง บอกว่า “ออกงานครั้งแรกก็ได้มางานเนสกาแฟ เดย์ และปีนี้พิเศษได้มาในเรื่องของความยั่งยืนด้วย รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่เข้ามาอยู่ในครอบครัวนี้ เพราะเป็นแบรนด์ที่ทำเพื่อความยั่งยืนจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูด อย่างกระป๋องเนสกาแฟผลิตจากอะลูมิเนียมช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 95 % เมื่อเทียบกับการใช้อะลูมิเนียมใหม่มาทำบรรจุภัณฑ์ ทั้งหมดนี่คือ circle ที่นำไปสู่ความยั่งยืนครับ”
เช่นเดียวกับ แจม รชตะ ที่รู้สึกว้าวมากเมื่อรู้ว่ากระป๋องอะลูมิเนียมของเนสกาแฟกระป๋องสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% และยังมีอีกหลายๆ Packaging ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ภายในงาน “NESCAFÉ DAY 2023” ยังยกคาเฟ่สไตล์รักษ์โลกพร้อมเสิร์ฟกาแฟหอม อร่อย คุณภาพดี จากสวนที่ปลูกอย่างยั่งยืนให้ทุกคนได้ลิ้มลอง และสนุกกับการถ่ายภาพเก๋ๆ กับแก้วแดงยักษ์ ประกาศให้โลกรู้ว่าคุณคือคอกาแฟที่รักษ์โลกและได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืน
ถึงกิจกรรมดีๆ แบบนี้จะจบไปแต่อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงสร้างได้แค่ลงมือทำ มาร่วม #ชงเนสกาแฟปลูกความยั่งยืน ฉลองวันกาแฟสากลและในทุกๆ วันที่คุณดื่มกาแฟกันเถอะ
[Advertorial]