เที่ยวญี่ปุ่น! คำตอบของคนไทยส่วนใหญ่ที่ตอบโจทย์ว่าอยากไปเที่ยวไหนมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ เป็นประเทศที่ยอดฮิตที่คนไทยตกหลุมรักแบบติดลมบน เพราะนอกจากเป็นประเทศที่ใช้ระยะเวลาเดินทางก็ไม่ไกลจนเกินไป วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม วัฒนธรรม บ้านเมืองและผู้คนชาวญี่ปุ่นก็เป็นเสน่ห์ที่แสนดึงดูดใจ
หลายคนอาจเริ่มวางแผนท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันเเล้ว แต่จะเที่ยวญี่ปุ่นอย่างไร ให้ทั้งสนุกและคุ้มค่า! แน่นอนว่าเราต้องวางแผนเที่ยวให้ได้ครบทั้งความสนุกและคุ้มค่าในงบประมาณที่กำหนด เรื่องนี้เรามีข้อมูลดี ๆ จาก บัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และกรุงศรี บอร์ดดิ้ง การ์ด ที่เผยเคล็ดลับช่วยให้คุณวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบสนุกสุดคุ้ม มาดูกันว่าจะวางแผนอย่างไรบ้าง
1. เดินทางช่วงไหน
ไม่ว่าใครก็อยากให้ทริปในฝันเป็นช่วงที่เที่ยวสนุกที่สุด นอกจากจะเช็ควันว่างของตนเองและเพื่อนร่วมทริปแล้ว จึงควรหาข้อมูลก่อนว่า กิจกรรมหรือสถานที่ที่เราอยากไปนั้น เหมาะจะเดินทางช่วงไหน เช่น หากอยากไปชมดอกไม้สวย ๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ อาจหาข้อมูลคาดการณ์ช่วงเวลาที่ดอกไม้ตามฤดูกาล เช่น ทิวลิป, วิสทีเรีย, ดอกกุหลาบ จะบานและชมได้สวยงามในภูมิภาคต่าง ๆ จากเว็บไซต์เช่น JNTO, หรือแหล่งข้อมูลทาง Social Media ต่าง ๆ ฯลฯ รวมถึงจุดที่สามารถชมดอกไม้ได้สวยงาม นอกจากนี้ ยังควรเช็คดูในเว็บหรือแอปพยากรณ์อากาศ เช่น AccuWeather ว่าช่วงที่จะเดินทางอากาศเป็นอย่างไร จะไม่ต้องกังวลใจกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจจนเที่ยวไม่สนุก
2. แพลนทริปอย่างไร ควรไปเมืองไหนบ้าง
ญี่ปุ่นมีหลายภูมิภาค แต่ละพื้นที่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย หากอยากประหยัดค่าเดินทาง แนะนำให้วางแผนทริป เที่ยวตามภูมิภาคที่ไม่ไกลกันจนเกินไป และศึกษาเส้นทางและตัวเลือกในการเดินทางด้วยวิธีต่าง ๆ ให้เหมาะสม เพราะบัตรโดยสารรถไฟสำหรับแต่ละภูมิภาค มีราคาถูกกว่า Travel Pass ที่ใช้ได้ทั่วประเทศ หรือหากสถานที่ที่เรามีแผนจะเดินทางนั้นไม่ไกลกันมาก อาจจะซื้อตั๋วรถไฟเป็นเที่ยวๆ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อ Pass หรือบางสถานที่ อาจมีวิธีการเดินทางแบบอื่นเช่น รถบัส หากวางแผนทริปได้ดี เลือก Travel Pass และวิธีการเดินทางได้เหมาะสม ก็จะช่วยประหยัดทั้งค่าเดินทาง และเวลา ทำให้ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางอีกด้วย
3. จัดสรรงบประมาณอย่างไร
หลังกำหนดจุดหมาย และช่วงเวลาที่จะเดินทางได้แล้ว ก็ได้เวลาจัดสรรงบ สำหรับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ อย่างตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมนั้น หากวางแผนดี ๆ เราจะสามารถประหยัดได้ เช่น เลือกเดินทางช่วงที่ไม่ตรงกับช่วง High Season ที่มีราคาสูง นอกจากนี้ อาจลองติดตามโปรโมชันของสายการบิน หรือใช้ตัวช่วยอย่าง ‘Google Flights’ หรือเว็บไซต์รวมข้อมูลราคาของสายการบินต่าง ๆ เพื่อเทียบราคา และวางแผนจองล่วงหน้านาน ๆ ที่สำคัญ อย่าลืมตรวจสอบโปรโมชันกับบัตรเครดิตที่คุณมี ว่ามีส่วนลด เครดิตเงินคืน หรือแลกคะแนนเป็นบัตรโดยสารได้หรือไม่ จะช่วยให้ได้ดีลท่องเที่ยวที่คุ้มค่าได้ง่ายขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในแต่ละวันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าชอบกิน เที่ยว ช้อป แบบไหน สามารถประเมินคร่าว ๆ ว่าน่าจะใช้จ่ายตลอดทริปเท่าไร และวางแผนเก็บออมเงิน เพื่อเตรียมงบท่องเที่ยวไปให้เหมาะสมโดยไม่กระทบกับสุขภาพทางการเงินในระยะยาว
4. จดก่อนจ่าย คุมงบท่องเที่ยวไม่ให้บานปลาย
ควรแบ่งส่วนเงินให้ชัดเจนว่าจะใช้เงินกับค่าใช้จ่ายแต่ละก้อนเท่าไร และควบคุมการใช้จ่ายให้อยู่ในงบโดยไม่นำมาปนกัน ที่สำคัญควรจดหรือบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ตลอดทริป จะได้รู้ว่าแต่ละวันใช้เงินไปเท่าไร หากใครไม่สะดวกจด อาจลองดาวน์โหลดแอปที่ช่วยบันทึกค่าใช้จ่าย คำนวณอัตราแลกเปลี่ยน และคำนวณการหารเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กับเพื่อนร่วมทริปได้ง่ายขึ้น
5. ทำประกันการเดินทางเพื่อความอุ่นใจ
ป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น เจ็บป่วยฉุกเฉิน, อุบัติเหตุต่าง ๆ, เที่ยวบินเดินทางล่าช้า, ทรัพย์สินสูญหาย เป็นต้น โดยให้เลือกพิจารณาจากความคุ้มครองและศึกษากรมธรรม์อย่างละเอียดเพื่อเลือกซื้อได้เหมาะสมกับความต้องการ
6. ติดตามโปรโมชันจากแหล่งต่างๆ
เช่น อีเวนต์ท่องเที่ยว, เว็บไซต์หรือเพจท่องเที่ยวต่าง ๆ, แพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยว เช่น Agoda, Booking.com, Expedia, Traveloka, Trip.com, klook เป็นต้น รวมถึงโปรโมชันจากบัตรเครดิตที่มักจะมีส่วนลดและสิทธิประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยวให้เลือกใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า
7. ควรแลกเงินไปเท่าไร ควรใช้บัตรหรือเงินสด
ร้านค้าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น สามารถชำระเงินได้หลายรูปแบบ ทั้งบัตรเครดิต บัตร Travel Card และเงินสด ซึ่งก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น ความสะดวก ใช้งานง่าย ความปลอดภัย สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้ได้ตามความต้องการ เช่น หากเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ อย่างค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าบัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยว หรือค่าช้อปปิ้ง หากเลือกใช้บัตรเครดิตที่เหมาะสมก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ได้ส่วนลด เครดิตเงินคืน ได้คะแนนสะสม และบริหารการใช้จ่ายได้ง่ายเนื่องจากมีกำหนดระยะเวลาในการชำระค่าบัตรเครดิตที่เราทราบล่วงหน้า ส่วนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็สามารถเลือกได้ว่าจะแลกเงินสดติดตัวไปเท่าที่จำเป็น หรือ อาจเลือกใช้บัตร Travel Card ที่มีจุดเด่นเรื่องความคุ้มค่าเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และความสะดวกในการใช้งาน
8. ช้อปอย่างไรให้คุ้มค่า
สำหรับนักช้อปตัวยง ควรหาข้อมูลก่อนว่า ย่านไหนเป็นแหล่งช้อปของที่เราต้องการซื้อ หากเป็นร้านที่มีสัญลักษณ์ Tax Free ก็จะสะดวกยิ่งขึ้น หากมียอดใช้จ่ายเกิน 5,000 เยนขึ้นไปตามเงื่อนไข ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่สำคัญอย่าลืมเช็คโปรโมชันว่าชำระเงินแบบใดถึงจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม แต่ถ้าจะให้ดีควรคิดก่อนซื้อ และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น จะได้ไม่เป็นภาระทางการเงินหลังจบทริป
หากอยากเที่ยวญี่ปุ่นแบบสนุกสุดคุ้ม อย่าลืมตรวจสอบโปรโมชันดี ๆ จาก บัตรเครดิตในเครือ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่มอบสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” แบบครบทุกประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่น อาทิ
- ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อจองบัตรโดยสารสายการบินที่ร่วมรายการ
- สิทธิพิเศษเมื่อเลือกจองโรงแรม สายการบิน และบัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นกับแพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ
- การใช้คะแนนสะสมแลกซื้อซิมเพื่อใช้งานที่ญี่ปุ่นในราคาพิเศษ
- สิทธิพิเศษเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ห้างและร้านค้าพันธมิตรที่ญี่ปุ่น และทุกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นตามเงื่อนไข ยังสามารถสะสมยอดเพื่อรับเครดิตเงินคืน (ระยะเวลาและเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชันขึ้นอยู่กับร้านค้าและประเภทของบัตรที่ร่วมรายการ)
นอกจากนี้ เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติม ลูกค้าที่สนใจใช้บัตร Travel Card ยังสามารถเลือกใช้ Krungsri Boarding Card จากธนาคารกรุงศรีฯ ซึ่งเป็นบัตร VISA Prepaid Card Multi-Currency ที่มีกระเป๋าเงิน e-Wallet 16 สกุลเงินต่างประเทศ และ 1 Wallet สกุลเงินบาท ตอบโจทย์ในด้านความคุ้มค่าของเรทเงินและสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ติดตามได้จาก https://kcc.gg/sf0n