เต้ ไหว้ขอบคุณสื่อตั้งฉายา ‘ดาวดับ’ ยอมรับหาแสงจริง ยันไม่โกรธ เพราะไม่ใช่ลุงตู่

Home » เต้ ไหว้ขอบคุณสื่อตั้งฉายา ‘ดาวดับ’ ยอมรับหาแสงจริง ยันไม่โกรธ เพราะไม่ใช่ลุงตู่



“เต้” ยกมือขอบคุณสื่อสภา ตั้งฉายา “ดาวดับ” ยอมรับหาแสงจริง แซะ รู้ว่าสื่ออยากให้ดาวเด่น แต่กลัวถูกด่า เหน็บฉายา “บิ๊กตู่” ไม่ใช่แปดเปื้อน แต่เป็นผ้าดำ

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 28 ธ.ค. 2565 ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีสื่อประจำรัฐสภาตั้งฉายาให้เป็น “ดาวดับ” ประจำปี 2565 ว่า ยอมรับว่าตกใจที่ได้รับฉายาดาวดับ เพราะตั้งแต่เป็น ส.ส.มา 4 ปี ไม่ติดชาร์ต มีติดชาร์ตครั้งเดียวคือเป็นคู่กัดกับนายสิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และคิดว่าปีนี้ไม่น่าจะมี แต่สื่อมวลชนก็คงเอ็นดู

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า จึงขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่มอบฉายา “ดาวดับ” ให้ ตอนแรกเข้าใจว่า เป็นคำไม่ดี แต่เมื่อดูรายละเอียดก็เข้าใจว่า เหมือนเป็นการหาแสงจากคดีต่างๆ จึงขอชี้แจงว่า การเป็น ส.ส.จะต้องทำหน้าที่ และไปดูแลประชาชน อย่างกรณี น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ที่เมื่อถามว่าไปหาแสงจะคุ้มหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้ไปดูเฉยๆ เพราะตนมีคดีติดตัวอยู่หลายคดี และตนก็ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมกรรมาธิการฯ จนได้ผลักดันกฎหมายต่างๆ ออกมาหลายฉบับ

“ผมมีหลายหน้าที่ จะบอกไปเสือกทุกเรื่องก็ไม่ได้ แต่ยอมรับว่า เป็นส.ส.หาแสง เพราะจะได้ทำงานสะดวก ถ้ามีแสง ผีก็วิ่งหนีหมด ผมดับในช่วงที่มีเมฆอยู่ พอเมฆหายไปก็สว่างเหมือนเดิม ผมก็ทำงานได้เหมือนเดิม ช่วงที่ผ่านมา ผมทำงานหลากหลายหน้าที่ ดังนั้นผมจำเป็นต้องมีสื่อมวลชน เพราะผมก็ไม่ใช่เจ้าของสื่อ

นอกจากนี้ ผมเป็นส.ส.ส่วนน้อยที่ไม่ได้ซื้อเสียงและไม่ได้ทุจริต แต่ก็ได้เป็นส.ส.ได้ทำงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคไทยศรีวิไลย์ไม่มีป้ายหาเสียงและไม่มีรถแห่ เน้นหาเสียงทางสื่อโซเชียลมีเดีย และหาเสียงจากการทำงานที่มีแสงเยอะๆ ขอให้ภูมิใจในตัวผม เพราะผมทำหน้าที่ได้ 100%” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

นายมงคลกิตติ์ ยังได้ยกมือไหว้สื่อมวลชน เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับฉายา “ดาวดับ” พร้อมระบุว่า ไม่โกรธ แต่ภูมิใจ ขอบคุณสื่อมวลชนอย่างมาก เพราะส.ส.มี 500 คน ส.ว.250 คน แต่คนที่อยู่ในสื่อตอนนี้มีแค่ 5-6 คนเท่านั้น ดังนั้น ตนไม่โกรธ แต่ภูมิใจ และตนก็ยังทำหน้าที่เช่นนี้ตลอดไปจนยุบสภา

เมื่อถามว่า ยอมรับว่าหาแสงจริงๆ ใช่หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า จำเป็นต้องหาแสง เพราะว่าถ้ามีแสง ประชาชนจะได้เห็นว่าเราทำงาน และเราก็ทำงานจริงๆ ถ้าแสงตามเราไปต่อเนื่อง ประชาชนก็รู้ว่าเราทำงานตลอด เมื่อมีแสงเยอะ การเป็นพรรคการเมืองก็ไม่ต้องใช้เงินในการหาเสียง ไม่ต้องถูกกดดันว่าจะต้องไปรับเงินจากเจ้าสัวนั้นเจ้าสัวนี้ ตนยอมขัดใจทุกคนถ้าประชาชนต้องการ

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่เสียความมั่นใจที่ได้ฉายาดาวดับ เพราะคำว่าดาวดับ ต้องดับอยู่แล้ว สว่างไม่ได้ เพราะเปลืองแบต ให้มีเวลาพักบ้าง เวลาเมฆผ่านไป ตนก็ทำงานต่อ เพราะดาวสว่างแล้ว และนี่คือการหาเสียงโดยสุจริต และหาแสงโดยต้องเข้าหาสื่อ เพราะฉะนั้นสื่อคือผู้มีพระคุณกับ ส.ส.

“ถ้าสื่ออยากเอื้อเฟื้อผมต่อ ก็ช่วยส่องแสงมาที่ผม แล้วผมจะได้ส่องแสงสะท้อนไปที่ประชาชน เพราะแสงขึ้นอยู่กับสื่อ ดังนั้น การที่สื่อให้ฉายาดาวดับเหมือนกับใช้แสงมาให้ผมอีกที ขนาดส.ส.ในสภาฯ มีเป็นร้อย ขนาดนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ยังได้แค่ หมอ(ง)ชลน่าน ไม่ใช่เชิงบวก

ผมรู้ว่าสื่อมวลชนอยากให้ผมเป็นดาวเด่น แต่ให้ไม่ได้เพราะมีพฤติกรรมที่ยังขัดอยู่ กลัวคนมาด่า ก็เลยให้ดาวดับ เพราะรู้ว่า ส.ส.มงคลกิตติ์ไม่ว่าหรอก เขาชอบด้วยซ้ำ ยืนยันไม่โกรธ เพราะผมไม่ใช่ลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม) ที่ได้ฉายาแปดเปื้อน ผมว่าไม่ใช่แปดเปื้อน แต่เป็นผ้าดำ ไม่มีอะไรขาวเลยในตัว มืด ดาวดับ ไม่ได้มืดด้วยตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับเมฆ มืดมาจากเมฆ แต่ลุงตู่ดำแล้วมาบัง ก็ทำให้ผมดับ พอลุงตู่ผ่านไป ผมก็สว่างวาบเหมือนเดิม” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ