เตือน ! ใช้แอพฯ เก็บเงินดัง เงินหายหลักแสน ธนาคารปัดรับผิดชอบ

Home » เตือน ! ใช้แอพฯ เก็บเงินดัง เงินหายหลักแสน ธนาคารปัดรับผิดชอบ



หนุ่มโพสต์เตือน ใช้แอพฯ เก็บเงินตัวดัง จากธนาคารสีเหลือง โดนดูดเงินหายหลักแสน เริ่มแรกธนาคารปัดรับผิดชอบ สุดท้ายสูญเงิน ไม่มีความคืบหน้า

ปัจจุบันธนาคารหลาย ๆ แห่ง ได้มีการปรับปรุงฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้มีความคล่องตัว ใช้งานง่าย เหมาะกับคนยุคใหม่ ถึงขนาดเปิดแอพฯ แยก ที่มาแรงเห็นจะเป็น แอพฯ สำหรับบริหารเงิน ซึ่งจะช่วยออมเงิน แบ่งเงินออกเป็นสัดส่วน เหมาะสำหรับคนที่อยากเก็บเงินแบ่งเป็นก้อน ๆ

ขึ้นชื่อว่าแอพของธนาคาร ความปลอดภัย ก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ใครจะคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่น่าตกใจกับชายหนุ่มคนหนึ่ง

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาแชร์ประสบการณ์สุดเลวร้ายจากการใช้แอพฯ เก็บเงินชื่อดังจากธนาคารสีเหลือง ระบุว่า “รีวิวแอพ K*** ที่ไม่เก็บ จาก 3แสนกว่า ตื่นมากลางดึกเหลือ 17,000 ตอนนี้ทั้งตัวเหลือ 6,000 กว่าบาท เพราะสั่งอายัดแอพไว้แล้ว”

โดยระบุรายละเอียดเพิ่มเติมว่า

ไม่เคยใช้แอพนี้ทำธุรกรรมทางการเงินเพราะเวลาจะจ่ายค่าอะไรเป็นก้อน จะโอนมาอีกธนาคาร
– ตอนตี1- 4 กว่า มีแจ้งมาในเมล์ว่า Login จากแอพในมือถือเอง และโอนไปยังบัญชี 2 ชื่อและมีการเปลี่ยนแปลงวงเงินการโอนจากวันละ1แสนเป็น 460,000 บาท

– รายการแรกที่เริ่มโอนคือ 1.18 นาที ยาวไปยันเกือบตี 4
– ธนาคารบอกว่าไม่สามารถอายัติบัญชีปลายทางได้เพราะว่าไม่ใช่บัญชีเงินฝากแบบออมทรัพย์ ไม่มีสมุด ให้ติดต่อสน.เอาหนังสือตราครุฑแล้วไปติดต่อธนาคารปลายทางเอง

พอไปถึงสน. พี่ ๆ ตำรวจ สว.สอบสวน เอาโทรศัพท์ไปคุยเองว่า “เจ้าหน้าที่ธนาคารทราบไหมครับว่าเมื่อวันที่ 17 ที่ผ่านมามีการประกาศใช้กฎหมายที่สามารถอาบัติบัญชีไว้ได้ก่อน 72 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีตราครุฑ”

ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันว่าต้องมีหนังสือตราครุฑและไปยืนเรื่องที่ธนาคารปลายทางเอง เพื่อทำการอายัดบัญชี จนพี่ ๆ ตำรวจส่ายหัว ต้องติดต่อไปทางธนาคารปลายทางและทางเจ้าหน้าที่ก็ประสานกลับมายังธนาคารสีเหลืองและได้คำตอบแบบเดิมครับ

ตำรวจบอกว่า “ในเมื่อคุณรู้ว่าเงินมันออกไปไหนคุณก็อายัดไว้สิ ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม” กระทั่ง 26 มี.ค. ทางเจ้าหน้าที่แบงค์คนใหม่ โทรมาตั้งแต่เช้าแจ้งว่าประสานงานอายัดบัญชีปลายทาง โดยไม่ต้องมีหมายครุฑให้เป็นเวลา 72 ชั่วโมงแล้ว และช่วยประสานงานต่าง ๆ ให้ คอยโทรตาม รายงานผลตลอด

โพสต์นี้กลายเป็นไวรัล มีคนกดไลก์ 2.1 พันครั้ง แชร์กว่า 3.3 พันครั้ง และแสดงความคิดเห็นอีกมากมาย หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแบบนี้ลาขาด

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ