ศูนย์วิจัยโรคปรสิต-parasitic disease research center ได้โพสต์พยาธิ ที่ได้จากผู้ป่วย เตือนคนที่ชอบกินอาหารดิบๆ ระบุว่า “​พยาธิตืดวัว Taenia saginata กองนี้จากผู้ป่วยรายเดียว พยาธิตืดวัวเกิดจากการกินเนื้อวัวดิบที่มีระยะติดต่อของพยาธิ (cysticercus)

พยาธิตัวอ่อนจะออกจากซีสต์และอาศัยอยู่ที่ลำไส้เล็ก เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ ผู้ป่วยมักจะพบปล้องสุก ซึ่งเป็นปล้องที่มีไข่เต็มทั้งปล้อง โดยปล้องนี้จะหลุดออกมาทางก้น โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดเบ่งเหมือนตอนเบ่งอุจจาระ”

ทั้งนี้ ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับพยาธิ คนติดได้อย่างไร คือ เมื่อคนกินเนื้อหมู วัว ควาย ที่มีเม็ดสาคูแบบดิบ หรือสุกๆดิบๆ ตัวอ่อนพยาธิจะโตเป็นพยาธิตัวแก่เกาะอยู่ในลำไส้เล็ก

โดยมีปล้องยาวออกไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดอาการต่างๆ ในระบบทางเดินอาหาร แต่อาการที่อันตรายและรุนแรงจะเกิดจากพยาธิตัวตืดหมู หากคนกินไข่พยาธิเข้าตัวตืดหมูที่ปะปนกับอาหารหรือน้ำดื่ม

ไข่พยาธิจะโตเป็นระยะตัวอ่อนหรือเม็ดสาคู กระจายไปอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกายคน เช่น สมอง ตา หัวใจ ปอด หรือคลำได้ก้อนใต้ผิวหนัง มีรายงานข่าวพบตัวอ่อนพยาธิในลิ้น ทำให้เกิดก้อนฝีที่ลิ้น และพบที่ตา ทำให้ตาอักเสบ หรือตาบอดได้

ทั้งนี้ พยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก แย่งอาหารทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน และซีดจากภาวะโลหิตจาง ตัวอ่อนพยาธิตืดหมูที่พบในสมอง หรือไขสันหลัง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ชัก อัมพาต หรือบางครั้งมีอาการรุนแรงอาจถึงตายได้

หากท่านพบปล้องที่หลุดออกมา และชอบกินเนื้อวัวดิบให้กินยาถ่ายพยาธิ ตัวที่เหมาะสม อาทิ นิโคลซาไมด์ อัลเบนดาโซล

ซึ่งชาวเน็ตได้เข้ามาถามว่า “ต้องอยู่ในลำไส้กี่ปีครับถึงจะยาวขนาดนี้” ทางศูนย์วิจัยโรคปรสิตก็ได้ตอบว่า “ปกติ 3-4 เดือนก็โตเต็มที่ละครับ”