กสทช.แนะรีบตัดสายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าคุยนานอาจหลงกลตกเป็นเหยื่อ แนะรีบตัดสายทันที หรือบันทึกเสียงบันทึกวิดีโอแล้วนำไปแจ้งความ สภ.ใกล้บ้าน
วันที่ 26 ม.ค. 65 ที่ห้องประชุม โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ วานา นาวา หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พันเอก พีรวัส พรหมกลัดพะเนาว์ กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม (กตป.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นประธานเปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เพื่อติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม ประจำปี 2564 โดยมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นกว่า 150 คน
พันเอกพีรวัส พรหมกลัดพะเนาว์ กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม (กตป.)กล่าวว่า กตป. มีกำหนดการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เพื่อติดตามและประเมินผลการ ปฏิบัติงาน ด้านกิจการโทรคมนาคม ประจำปี 2564 ทั้งหมด 5 จังหวัด 5 ภาค ซึ่งภาคกลาง ได้เลือกจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีส่วนได้เสียในด้านกิจการโทรคมนาคมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ 1. การเตรียมความพร้อมในการจัดสรรและการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 3500 MHz
2. การเร่งรัดการนาสายสื่อสารลงใต้ดินและการจัดระเบียบสายสื่อสาร 3. มาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการของ กสทช. เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 และ 4. มาตรการแก้ไขปัญหา SMS หลอกลวงประชาชน เป็นต้น ซึ่งการประชุมนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบกิจการ และผู้บริโภคในพื้นที่ เพื่อให้การประเมินการดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและข้อมูลต่างๆ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างสูงสุด
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้ทั้งหมดในวันนี้ จะมีการรวบรวมสรุปศึกษาและวิเคราะห์ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงผลการปฏิบัติงานของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ที่เกี่ยวข้องต่อไป
พันเอกพีรวัส กล่าวว่า วันนี้มีประเด็นสำคัญที่อยากแจ้งเตือนประชาชนคือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน และ SMSหลอกลวงเชิญชวนเล่นการพนัน หรือเชิญชวนดูเว็บโป๊อนาจารต่างๆ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งแม้ว่าจะมีข่าวออกทางทีวีและสื่อต่างๆ แต่ก็พบว่ายังมีประชาชนบางส่วนยังไม่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารนี้บางคนมีตำแหน่งหน้าที่การงานดีก็ยังตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงินตั้งแต่หลักมื่นถึงหลักแสน
การทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะทำงานกันเป็นขบวนการ มีการโทรมาและแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทส่งพัสดุชื่อดัง หรืออ้างว่ามีพัสดุตกค้างที่ ตม. มีของผิดกฎหมายส่งไปต่างประเทศ มีการทำผิดเกิดขึ้นให้ไปแจ้งความโดยอ้างสถานการณ์โควิด ทำให้ตำรวจรับแจ้งความออนไลน์ทางแอพลิเคชั่นไลน์ มีการจัดฉากเหมือนวีดีโอคอลกับตำรวจ หลอกล่อต่างๆ จนประชาชนหลงเชื่อ ให้ข้อมูลบัตรประชาชน และโอนเงินไปให้ จึงอยากแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเพียงคนเดียว ไม่มีลูกหลานดูแลอาจจะตกเป็นเหยื่อได้ง่าย
อันดับแรกที่ต้องสังเกตว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือ จะมีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามา และเป็นหมายเลขที่เราไม่คุ้นโทรเข้ามา เมื่อรับสาย ปลายสายจะแจ้งว่าเป็นพนักงานบริษัทรับส่งพัสดุ มีพัสดุผิดกฏหมายส่งไปในชื่อของเหยื่อหากเหยื่อไม่ใช่ผู้ส่ง จะโอนสายให้แจ้งความกับตำรวจทางไลน์
เมื่อได้ยินข้อความลักษณะนี้ให้ตัดสายทิ้งทันที หรือหากมีสติเพียงพอก็ให้บันทึกเสียง บันทึกวิดีโอขณะพูดคุย เพื่อนำไปเป็นหลักฐานแจ้งความกับตำรวจ สภ.ใกล้บ้าน อย่าพูดคุยนาน เพราะพวกนี้มีกลวิธีในการหลอกล่อจูงใจมากมายอาจจะตกเป็นเหยื่อได้
ล่าสุด รัฐบาล และ กสทช.พยายามเร่งแก้ปัญหาเรื่องซิมการ์ดเถื่อนเพราะซิมเถื่อนตามหาต้นตอไม่ได้ หรือบางครั้งลงทะเบียนซิมการ์ดในชื่อของชาวต่างด้าว พอสืบไปถึงต้นตอพื้นที่โทรก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะไม่เจอซิมการ์ด หรือมีการทำลายซิมไปแล้ว ก็จะไม่สามารถตามตัวผู้กระทำผิดได้ ปัญหาต่อมาคือ การรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งเจ้าของบัญชีอาจจะได้ค่าจ้างเพียงเล็กน้อย แต่มิจฉาชีพเอาบัญชีธนาคารไปกระทำผิดสร้างความเดือดร้อนต่อ ซึ่งทั้งสองส่วนก็เป็นอุปสรรคในการจัดการกับขบวนการหลอกลวงเหล่านี้