เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ศาลาว่าการกทม. นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม.ได้ประชุมร่วมกับกรมชลประทาน กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อติดตามปริมาณการเก็บกักน้ำในเขื่อน การระบายน้ำของเขื่อนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และสถานการณ์น้ำขึ้น-น้ำลงของแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพฯ
รวมถึงตรวจวัดค่าความเค็มของน้ำในแนวริมแม่น้ำเป็นประจำทุกวัน หากมีค่าความเค็มเกินมาตรฐานจะทำการปิดประตูระบายน้ำแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเค็มเข้าในพื้นที่
นอกจากนี้ยังประสานความร่วมมือกับกรมชลประทาน และการประปานครหลวง ร่วมปฏิบัติการผลักดันลิ่มน้ำเค็มหรือ Water Hammer Operation ซึ่งได้มีการดำเนินการร่วมกันมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยผลักดันลิ่มความเค็ม ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาให้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 28 มี.ค.ถึงวันที่ 3 เม.ย.นี้
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อนตามแนวริมแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมทั้งเฝ้าระวังจุดแนวฟันหลอที่ยังไม่มีการสร้างเขื่อน ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่
โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณนอกแนวคันกั้นน้ำ รวมถึงตรวจสอบและเข้าดำเนินการเรียงกระสอบทรายเสริมความสูงบริเวณแนวป้องกันตนเองบางแห่งที่คันกั้นน้ำมีระดับต่ำ และไม่สามารถป้องกันน้ำเอ่อล้นได้
ส่วนพื้นที่ชุมชนที่ยังไม่มีแนวป้องกันน้ำท่วมหรือแนวฟันหลอ และบริเวณที่คาดว่าระดับน้ำอาจจะเอ่อล้นเข้ามาในพื้นที่ได้ เช่น บริเวณทางขึ้น-ลงท่าเรือ หรือสะพาน ได้เข้าดำเนินการเรียงกระสอบทราย โดยยกระดับความสูงของแนวกระสอบทรายอยู่ที่ระดับประมาณ +2.30 ม.รทก.ถึง +2.80 ม.รทก.
นอกจากนี้ยังมีแผนการเตรียมพร้อมเพิ่มเติมโดยการจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำชนิดเคลื่อนที่ สำรองกระสอบทรายที่บรรจุแล้ว และสำรองกระสอบเปล่าที่พร้อมบรรจุทราย จัดเตรียม Big Bag ตะกร้าใส่ทรายสำหรับเรียงกระสอบ และพนังกั้นน้ำฉุกเฉิน หากเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถจัดส่งเจ้าหน้าที่เร่งเข้าดำเนินการแก้ไขได้ในทันที
ส่วนชุมชนที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วมที่อาจจะได้รับผลกระทบปัญหาแรงคลื่นกระทบกับพื้นบ้านที่เกิดจากเรือวิ่งผ่านไปมาด้วยความเร็ว กทม.ได้ประสานขอความร่วมมือไปยังกรมเจ้าท่าในการควบคุมและใช้มาตรการเรื่องการเดินเรือเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับบ้านเรือนของประชาชน
นอกจากนี้ยังได้มีการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงควบคุมคุณภาพน้ำขนาดใหญ่ ทั้ง 8 แห่ง รวมปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัดทั้งสิ้น 815,000 ลบ.ม./วัน มาแจกจ่ายให้ประชาชนนำไปใช้ในกิจกรรม อาทิ รดน้ำต้นไม้ ล้างถนน ล้างตลาด ล้างเครื่องจักรภายในโรงงาน โดยสามารถขอรับน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วได้ทั้ง 8 แห่ง ดังนี้
โรงควบคุมคุณภาพน้ำสี่พระยา ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 15,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำรัตนโกสินทร์ ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 20,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 100,000 ลบ.ม./วัน
โรงควบคุมคุณภาพน้ำหนองแขม ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 140,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำทุ่งครุ ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 60,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำจตุจักร ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 140,000 ลบ.ม./วัน โรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 240,000 ลบ.ม./วัน
และศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อ ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด 100,000 ลบ.ม./วัน ทั้งนี้ กทม. ได้เปิดช่องทางการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำผ่านช่องทางต่าง ๆ
ประชาชนสามารถติดตาม ได้ที่ http://dds.bangkok.go.th/ ,www.prbangkok.com , Facebook:@BKK_BEST, สำนักงานประชาสัมพันธ์ Twitter:@BKK_BEST, สำนักงานประชาสัมพันธ์ และแอปพลิเคชัน กทม.