สาวผวา! หนุ่มกร่าง บนทางด่วน เดินปรี่ตะคอกขอติดรถไปด้วย ยังไม่ทันลดกระจกตอบ หนุ่มหัวร้อนดันใช้หมวกกันน็อคทุบรถ
วันที่ 10 มี.ค. 67 ผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวรายหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า Panhathai Buranaprasoetkun เผยแพร่เรื่องราว หนุ่มกร่าง บนทางด่วน ที่ตนเองพบเจอ โดยเธอระบุข้อมูลว่า กล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์เมื่อวันที่ (9 มี.ค. 67) บริเวณช่วงทางด่วนด่านเลียบแม่น้ำ ถ.พระราม3 ช่องนนทรี พบผู้ชายวัยกลางคน ถือหมวกกันน็อคเดินเข้ามากลางถนน ห่างจากด่านเก็บค่าผ่านทางไม่ไกล ทำให้ตนเองต้องหยุดรถ กระทั่งชายรายดังกล่าวเดินเข้ามาที่ประตูฝั่งข้างคนขับ พยายามเปิดดดยการกระชากอย่างแรง พร้อมบอกว่า “ไปลงด้วยได้มั้ย! ผมขอลงหน่อย! ผมขอไปลงข้างหน้าหน่อยเด้!” แล้วก็เอาหมวกกันน็อคฟาดที่กระจกฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง ตนกลัวจึงขับรถออกไปแล้วโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่
จากภาพกล้องหน้ารถ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ชายรายดังกล่าว เดินเข้ามาบนถนนทางด่วน อยู่ห่างจากด่าน และที่ทำการของเจ้าพนักงานไม่เท่าไร ซึ่งชายรายนี้เดินมุ่งหน้าเหมือนพยายามเดินขึ้นทางด่วนไป กระทั่งมีรถของผู้เสียหายผ่านมา และจอดรถเนื่องจากถูกรถเลนขวาเบียด ประกอบกับมีชายรายดังกล่าวออกมายืนขวางกลางถนน ซึ่งชายรายนี้เดินเข้ามาด้วยหน้าตาหงุดหงิด พร้อมหมวดกันน็อค 1 ใน ก่อนลงมือตามที่เธออธิบายไปข้างต้น
- หนุ่มตกตึก 3 ชั้น เจ็บหนัก เจ้าของบ้านเผย เหตุการณ์สุดพีค
- สุดหลอน! มือปริศนาโผล่กลางคลอง พอเอาไม้เขี่ยดู ถึงกับผงะ
- ไวรัล! ชีวิตทหารเกณฑ์ อยู่บ้านนาย ซักผ้าให้นายไม่พอ ยังต้องซักให้เมียด้วย
นอกจากนั้น ผู้โพสต์ เล่าอีกว่า หลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่ก็ได้โทรศัพท์เข้าไปติดตามสถานการณ์ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เมื่อไปถึงชายรายดังกล่าวไม่อยู่แล้ว ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีรถกระบะคันนึงจอดให้ผู้ชายคนนั้นโดยสารไปด้วย ต่อมา ตนได้ไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เรียบร้อย เบื้องต้น มีทีมจากพิสูจน์หลักฐานตำรวจทำการเก็บลายนิ้วมือของผู้ก่อเหตุแล้ว ทั้งนี้ ตนอยากบอกชายรายดังกล่าวว่า “ตนไม่รู้คุณเป็นใคร หรือมีปัญหาชีวิตอะไร แต่พฤติกรรมที่คุกคามและทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่แม้แต่จะพูดจาดีๆ ขอร้องดีๆ แต่กลับทุบทำลาย ซึ่งคุณไม่มีสิทธิ์คุกคามและทำลายทรัพย์สินของใคร หากใครรู้จักฝากแนะนำให้มาแสดงตัวที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อรับชอบต่อสิ่งที่ทำด้วย”
ทั้งนี้ ผู้โพสต์ยังให้ความรู้ และเตือนสติต่อสถานการณ์แบบนี้อีกว่า
1. สน.ทางด่วน ไม่รับแจ้งความคดีอาญา เคสของเราถือว่ามีการทำลายทรัพย์สิน เป็นคดีอาญา ต้องแจ้งความกับ สน.ในพื้นที่ ที่เกิดเหตุนั้นๆ
2. หากเกิดเหตุแบบนี้ไม่ว่าเราอยู่คนเดียวหรือไม่ การล็อกรถเสมอ คือสิ่งที่ดีและปลอดภัยที่สุด
3. ถ้ามีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ให้รีบหาจังหวะขับรถออกจากบริเวณนั้นเร็วที่สุด อย่าให้โอกาสคนๆนั้นมาถึงตัวรถเด็ดขาด
4. สติ คือ สิ่งสำคัญ ตอนนั้นตกใจจนทำตัวไม่ถูก พูดไม่ออก เราต้องดึงสติไว้ แล้วพอออกมาบริเวณที่ปล่อยภัย เราค่อยจอดรถ และเสียสติที่หลังได้
5. ก่อนออกเดินทาง ตรวจสอบสภาพการใช้งานของกล้องหน้ารถเสมอ เผื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือ มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดแบบครั้งนี้
