บิ๊กตู่-อมรัตน์ ซัดกันนัว หลังถูกกล่าวหาก้าวล่วงสถาบัน อัดอย่าปากพล่อย ด้าน ประยุทธ์ พร้อมแจง สวนกลับ ประสบการณ์เยอะ แต่พูดส่อเสียดไม่เก่ง
เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 21 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนติดภารกิจกราบสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชาถวายเทียนพรรษา ขอมอบช่วงเวลาอันเป็นมงคลให้ทุกท่านด้วย สุดแล้วแต่ใครจะรับได้หรือไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ทำกรรมดีก็ได้รับกรรมดี ทำกรรมไม่ดีก็จะปรากฏต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนพยายามทำให้ดีที่สุด แต่อาจไม่ดีในสายตาของท่านก็ไม่เป็นไร วันนี้ท่านบอกว่าชื่อตนมีความหมายนู่นนี่ ก็ไปคิดเอาว่าตู่กับเตี้ยความหมายเหมือนกันหรือไม่ ก็คงไม่เหมือน ไปดูว่าใครทำประโยชน์มากกว่า ตนเห็นท่านเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ท่านบอกว่าศึกษาประวัติศาสตร์ ก็ขอให้ศึกษาประวัติศาสตร์ส่วนที่ดีไว้บ้าง สิ่งที่ท่านทำหลาย ๆ อย่างวันนี้ก็ปรากฏแล้วว่าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการก้าวล่วงสถาบันของชาติ ซึ่งตนรับไม่ได้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำให้ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงทันที โดยถามนายกฯ ว่าตนก้าวล่วงสถาบันตรงไหน ข้อหานี้ผิดมีโทษร้ายแรง อยู่ดี ๆ จะปากพล่อยว่าคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไร อย่ามั่วเที่ยวพูดตีขลุม นายกฯจึงตอบโต้ว่า ตนไม่ได้พูดอะไรเกินความเป็นจริงเท่าไหร่ ถ้าดูในคดีต่าง ๆ ก็มีหลายคดี เตรียมต่อสู้คดีแล้วกัน
นางอมรัตน์ จึงประท้วงอีกครั้งโดยขอให้นายกฯถอนคำพูด เพราะมาตรา 112 ร้ายแรงจะมาป้ายให้ใคร ๆ แบบนี้ได้อย่างไร อย่ามั่ว ต้องถอนคำพูด ขณะที่ นายกฯ ยืนยันว่า “ผมไม่ถอนครับ” จากนั้น ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า ขอให้ฟังประธาน เราอภิปรายเขาก็หนัก จึงไม่มีอะไรต้องถอน ดีที่สุดคือต้องระมัดระวัง
พล.อ.ประยุทธ์ จึงชี้แจงต่อถึงการก่อสร้างแท่นประดิษฐานปรับปรุงภูมิทัศน์พระบรมราชานุสาวรีย์ เดิมมีการจัดซื้อจัดจ้างโดยผู้ประกอบการ 3 ราย ผู้ชนะการคัดเลือกเสนอวงเงินก่อสร้าง 59 ล้านบาท ระหว่างการก่อสร้างบริษัทคู่สัญญาได้แจ้งความประสงค์บริจาคสิ่งปลูกสร้างที่แล้วเสร็จ โดยไม่ขอรับเงินค่าจ้างที่ระบุไว้ในสัญญา โดยกรมยุทธโยธาทหารบกได้ส่งคืนงบประมาณดังกล่าวที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายแก่กองทัพบกแล้ว พร้อมทั้งชี้แจงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่าเราไม่ได้ใช้งบของทางราชการ แต่ดำเนินการภายใต้ผู้มีจิตศรัทธา
นายกฯ ชี้แจงถึงที่มีผู้อภิปรายค่าโง่คดีคลองด่าน ยืนยันว่าให้ความสำคัญ โดยสั่งการให้กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมควบคุมมลพิษ ต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด มีการยื่นคำร้องไปแล้วเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยเกี่ยวกับคำพิพากษศาลฎีกากับศาลปกครอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ตนไม่อาจก้าวล่วง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการอายัดทรัพย์สินเหล่านั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้อายัดทรัพย์สินของกิจการร่วมค้าที่รับเงินตามคำพิพากษาไปแล้วเมื่อปี 2558 งวดที่ 1 ให้ตกเป็นของแผ่นดิน และป.ป.ง.ได้ยื่นร้องต่อศาลแพ่ง ดำเนินการอายัดสิทธิเรียกร้องที่กรมควบคุมมลพิษจ่ายให้แก่กิจการร่วมค้า ในงวดที่ 2 และ 3 ศาลแพ่งก็มีคำสั่งอายัดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด
นายกฯ ระบุต่อว่า ส่วนกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 นั้น กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินคดีกับเอกชนที่เป็นคู่สัญญา 13 คดี ปัจจุบันคดีถึงที่สุดแล้ว 5 คดี อยู่ระหว่างพิจารณาของศาล 6 คดี ชั้นอัยการ 2 คดี ฟ้องเรียกค่าเสียหายไป 747ล้านบาท มีการชดใช้ค่าเสียหายมาแล้ว 17 ล้านบาท อยู่ระหว่างการติดตามคดีที่คั่งค้างอยู่ เรื่องจีที 200 เป็นปัญหาทั้งโลก มีการใช้ในสงครามต่างๆมากมายเช่น สงครามอิรัก สนามบินต่างๆก็ใช้ หลายประเทศก็มีการฟ้องร้องเช่นกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเพิ่มอัตราค่าไฟในอนาคต เพราะกฟผ.ต้องแบกหนี้สินมากกว่า 1 แสนล้านบาท เพราะมีต้นทุนสูงขึ้น แต่กฟผ.ไม่มีการปรับค่าเอฟทีตั้งแต่ปีที่แล้ว ขาดทุนไป 38,000 ล้านบาท ปีนี้อีก 44,000 กว่าล้านบาท รวมแล้ว 83,000 ล้านบาท การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่หลายคนพูด
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้สถานการณ์โลก ประเทศเราเป็นเพียงประเทศเดียวหรือไม่ที่ได้รับผลกระทบ ตนมีตัวเลขของหลายประเทศเมื่อเทียบกับไทย คิดว่าตนทำได้มากกว่าในการดูแลประชาชน แต่แน่นอนว่ารายได้ต้องลด รัฐบาลก็มีมาตรการเฉพาะกลุ่มเพื่อช่วยดูแล ทั้งหมดเราใช้งบประมาณสูงมาก อาจจะมองว่ารัฐบาลกู้เยอะ แต่ก็จำเป็นต้องกู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันเราก็มีทุนสำรองมากพอสมควรที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินการคลังในระดับสูง และมีขีดความสามารถในการชำระหนี้สาธารณะสูงอยู่ เราไม่ได้อยู่ในสถานะรัฐล้มเหลว ทุกคนยังเชื่อมั่น ยังพุ่งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนเรื่องการลงทุน ต่างประเทศมองไทยต่างจากที่คนไทยมองกันเอง สิ่งนี้สำคัญมากการจะพูดอะไรที่กระทบกับการต่างประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้านขอให้ระวังอย่างยิ่ง เพราะมีการพึ่งพาอาศัยกัน เป็นเรื่องของประชาชนต่อประชาชน มูลค่าการค้าขายชายแดนจำนวนมหาศาลที่ขณะนี้สูงขึ้น ทำให้ประเทศอยู่ได้ในเวลานี้
“ยืนยันว่าไม่ใช่ไม่ดีทุกเรื่อง ไม่ใช่เลวที่สุด ไม่ใช่แย่ที่สุด ท่านมีความมุ่งหวังอะไรผมก็ไม่ทราบ เวลานี้ควรรวมพลังคนไทยทั้งชาติแก้ปัญหาบ้านเมือง มากกว่ามัวทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านพูดแรง ผมก็อดไม่ได้ แต่ผมก็ให้เกียรติท่านอยู่แล้ว เวลาท่านโจมตีผมถึงจะรับไม่ค่อยได้ ผมก็ต้องรับเพราะเป็นนายกฯ ถามว่าในห้องนี้มีสักกี่คนที่เป็นนายกฯมาก่อน ผมย่อมมีประสบการณ์มากกว่าท่าน แต่จะพูดแข่งกับท่าน ส่อเสียดให้ร้าย ผมสู้ท่านไม่ได้หรอก ผมยอมท่าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว