นครสวรรค์ พ่อเฒ่าวัย 69 ปี ถูกแจ้งชื่อเสียชีวิต ออกใบมรณะบัตร ไร้สิทธิ์รับผลประโยชน์จากรัฐเดือดร้อนนาน 12 ร้องราชการ ไม่มีใครช่วยเหลือได้ ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
24 ก.ค. 65 – ที่บ้านเลขที่ 110/1 พื้นที่หมู่ 3 ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ หลังพบว่า ที่บ้านหลังดังกล่าว ชายชื่อ นายองอาจ บุญฤทธิ์ อายุ 69 ปี ประสบปัญหาเดือดร้อนมานานกว่า 12 ปี
จากการมีใบมรณบัตรเป็นของตนเอง ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้เสียชีวิตแต่อย่างใด จึงส่งผลทำให้ไม่สามารถต่ออายุบัตรประชาชนได้ รวมถึง ยังไม่สามารถรับการช่วยเหลือค่าสวัสดิการต่างๆ ของรัฐได้ด้วย
เบื้องต้นลงพื้นที่ได้พบผู้เดือดร้อน นายองอาจ ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดี และพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับภรรยา เพียง 2 คน ส่วนลูกๆ ได้ไปมีครอบครัว และทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯกันหมดแล้ว
นายองอาจ เปิดเผยพร้อมนำเอกสารหลักฐานมาให้ว่า เมื่อช่วงปลายปี 2553 ตนได้เดินทางไปติดต่อขอต่ออายุบัตรประชาชน ที่ว่าการอำเภอเมืองนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่สามารถต่ออายุบัตรประชาชนได้ เนื่องจากตนมีใบมรณบัตร ที่ได้แจ้งการตายเอาไว้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2540 โดยมีนายชูชาติ เดชเกล้า เป็นผู้แจ้งขอออกใบมรณบัตรไว้ที่เทศบาลนครนนทบุรี
ระบุ นายองอาจ บุญฤทธิ์ เสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบ ที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก จ.นนทบุรี และได้แจ้งว่ามีการเคลื่อนย้ายร่างไปทำพิธีฌาปนกิจศพวัดมหาบุศย์ (แม่นาค) เขตพระโขนง กรุงเทพ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540
นายองอาจ กล่าวว่า เมื่อตนทราบเรื่องว่า มีคนแจ้งว่าตนตาย ตนก็รู้สึกตกใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่จู่ๆ ก็มีการแจ้งขอออกใบมรณะทั้งที่ตนยังมีชีวิตอยู่ดีปกติทุกอย่าง ซึ่งก็ยังมองว่า อาจจะเกิดการผิดพลาดจากชื่อนามสกุลที่อาจมีคนมีชื่อนามสกุลเดียวกันก็ได้
แต่เมื่อตนได้ขอตรวจสอบเอกสาร กลับปรากฎหลักฐาน ทั้งเลขเลขบัตรประชาชน รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เหมือนกับของตนทุกอย่าง ผิดอยู่อย่างเดียว คือชื่อ บิดา มารดา ของตน ไม่ตรงกับที่เขาได้แจ้งไว้
“หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อำเภอ ให้ไปหาหลักฐานใบมรณบัตร และไปตรวจสุขภาพเพื่อออกใบรับรองแพทย์ รวมถึงให้ญาติพี่น้องในครอบครัว หรือเพื่อน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.พระนอน เซ็นชื่อรับรองยืนยันว่า ยังไม่ได้ตาย ในการยื่นเรื่องคำร้องขอยกเลิกใบจำหน่ายการตาย ของสำนักทะเบียนท้องถิ่น เทศบาลนครนนทบุรี แต่ปรากฎว่า คำร้องนั้น ก็ไม่สัมฤทธิ์ผล และยังคงมีชื่อแจ้งตายมาจวบจนทุกวันนี้”
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ทางเทศบาลนครนนทบุรี ไม่สามารถยกเลิกการจำหน่ายการตายได้นั้น นายองอาจ ให้ข้อมูลว่า ทางสำนักทะเบียนเทศบาลนครนนทบุรี ได้ดำเนินการตรวจสอบมรณบัตรของตนแล้ว ไม่สามารถยกเลิกการแจ้งการตายได้
เนื่องจากข้อมูลรายบุคคลของผู้ที่แจ้ง แม้จะใช้ชื่อและนามสกุล รวมถึงเลขบัตรประชาชน 13 หลักเดียวกับตน แต่ในรายการข้อมูลใช้ชื่อบิดามารดาคนละชื่อ และที่อยู่แตกต่างกัน ทางเขาจึงเชื่อว่า เป็นคนละบุคคลกัน
ส่วนสาเหตุที่รายการบุคคลถูกจำหน่ายตาย ในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร เนื่องจากการปรับปรุงรายการข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง ได้มีการนำเลขบัตรประชาชนของตนมาลงในใบมรณบัตร จึงเป็นเหตุทำให้รายการบุคคลของตน ถูกจำหน่ายตายในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร สรุปคือ ในนามของตน คือคนตายไปแล้ว แต่ตัวจริงยังคงมีชีวิตอยู่
นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า นี่ก็ผ่านมา 12 ปีแล้วนะ ที่ตนไม่มีบัตรประชาชนใช้ เพราะชื่อขอตนยังไม่ถูกยกเลิกการแจ้งตาย ซึ่งมันทำให้ตนสูญเสียโอกาสหลายอย่าง จะขี่รถออกไปหางานทำที่ไหน ก็ลำบาก กลัวว่าจะถูกจับ เพราะไม่มีใบขับขี่
หนำซ้ำยังประสบกับปัญหาไม่ได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่ได้มา 5 ปี ไม่ได้รับการชดเชยเรื่องการเกษตรจากภาครัฐ ไม่มีชื่อรับสิ่งของบริจาคจากภาครัฐและเอกชน จะใช้สิทธิ์ไปเลือกตั้งก็ไม่ได้ อีกทั้ง ยังไม่สามารถขอกู้เงินมาลงทุนจากภาครัฐ หรือจากกลุ่มเอกชนได้ เพราะตนมีชื่อในเอกสารใบมรณบัตร ระบุตนเป็นผู้เสียชีวิต
เมื่อถามถึงบุคคลที่มีชื่อปรากฎไปแจ้งตาย นายองอาจ กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นเห็นหน้านายชูชาติ เดชเกล้า ที่เขาไปแจ้งตนตายเลยนะ แต่ก็อยากจะฝากบอกไปถึงเขาว่า เรื่องนี้มันทำให้ตนเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องทนทุกข์มานานกว่า 12 ปี จะออกไปทำงานที่ไหน ก็ไปหาทำไม่ได้ ตนต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกต้นไม้ขายไปวันๆ
ส่วนภรรยา ก็ต้องมาเดือดร้อนตาม เพราะรายได้ที่ไว้ใช้จ่ายภายในครอบครัวส่วนใหญ่ ภรรยาหามาได้ ก็ต้องเอามาใช้จ่ายภายในบ้านจนเกือบหมด แทบไม่มีเหลือเก็บกันเลย
ซึ่งขณะนี้ ตนและครอบครัวก็ยังมืดแปดด้าน ยังคงหาทางออกเพื่อแก้ปัญหาไม่เจอ จึงอยากวิงวอนร้องขอหน่วยงาน หรือผู้รู้มีความสามารถท่านใดก็ได้ โปรดให้การช่วยเหลือ ในการยกเลิกใบมรณบัตรของตนด้วย ตนจะได้ใช้ชีวิตอยู่ตามปกติต่อไป