เช็กสิทธิ ‘เบี้ยผู้สูงอายุ 2566’ อัปเดตล่าสุด ปรับเกณฑ์ใหม่-วิธีลงทะเบียน

Home » เช็กสิทธิ ‘เบี้ยผู้สูงอายุ 2566’ อัปเดตล่าสุด ปรับเกณฑ์ใหม่-วิธีลงทะเบียน
เบี้ยผู้สูงอายุ-min

เช็กสิทธิ ‘เบี้ยผู้สูงอายุ 2566’ อัปเดตล่าสุด ปรับเกณฑ์ใหม่ วิธีลงทะเบียนเบี้ยผู้สูงอายุ เริ่มจ่ายวันไหน ใครสามารถรับได้บ้าง

หลังจากที่มีกระแสข่าวการ ลดเบี้ยผู้สูงอายุ ล่าสุด ที่ทาง กระทรวงมหาดไทย เผยแพร่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 ส.ค.เรื่อง “ระเบียบกระทรวง มหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566” ลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2566 ได้เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพว่า “เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามที่กฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด” ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราแบบถ้วนหน้า ที่ดำเนินมากว่า 14 ปี

โดยทางด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง งบประมาณจากเคยตั้งไว้ 50,000 ล้านต่อปี เพิ่มเป็น 80,000 ล้านต่อปี และแตะ 90,000 ล้านแล้วในปีงบประมาณ 2567 ดังนั้น หากลดการจ่ายเบี้ยแก่ผู้สูงอายุเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้สูงหรือผู้สูงอายุที่ร่ำรวย เป็นการใช้นโยบายการคลังที่พุ่งเป้าเพื่อช่วยเหลือไปยังกลุ่มคนที่มีความจำเป็นและเดือดร้อนกว่า เป็นการสร้างความยั่งยืนทางการคลังระยะยาว 

ซึ่งกำหนดใหม่ของการจ่าย เบี้ยผู้สูงอายุ นั้นจะไม่เป็นผลต่อผู้ที่เคยมีสิทธิได้รับ ผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อนการประกาศใช้ระเบียบนี้แล้วยังคงได้รับสิทธิต่อไป แต่จะมีผลต่อผู้ที่จะเข้าเกณฑ์ผู้สูงอายุในปี 2566 นี้

ซึ่งเดิมที เบี้ยผู้สูงอายุ หรือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คือ สวัสดิการที่ทางภาครัฐ จัดสรรให้แก่ ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายค่าครองชีพในแต่ละเดือน เนื่องจากรายได้ จากอาชีพผู้สูงอายุที่ทำอยู่ในแต่ละเดือน อาจไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย โดยแต่ละปีจะมีการเปิดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่มาลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ

เมื่อดูตัวเลขของผู้สูงอายุในไทย ณ สิ้นปี 2565 จากฐานข้อมูลของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีอยู่กว่า 12.6 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพราว 11 ล้านคน นอกนั้นเป็นผู้สูงอายุในกลุ่มข้าราชการเกษียณอายุที่รับเงินบำนาญจากรัฐ (ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับ เบี้ยผู้สูงอายุ อยู่แล้ว)

สำหรับโครงสร้างอายุของผู้สูงอายุในปัจจุบัน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 60-69 ปี คิดเป็นจำนวนกว่า 56% หรือราว 7.1 ล้านคนนั้นเอง

อัตราการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ 2566

  • อายุ 60-69 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 600 บาท
  • อายุ 70 – 79 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 700 บาท
  • อายุ 80 – 89 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 800 บาท
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 1,000 บาท

ใครมีสิทธิได้รับ “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566”

  • มีสัญชาติไทย
  • มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • มีอายุ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิขอรับเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น
  • เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด

การสิ้นสุดการรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566  

  • เสียชีวิต
  • ขาดคุณสมบัติ (ผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เงินบำนาญ เบี้ยหวัด เงินอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับเงินเบี้ยยังชีพ เช่น ผู้สูงอายุที่เคยทำงานและได้รับเงินเดือน มีรายได้ประจำ หรือผลตอบแทนอื่น ๆ จากหน่วยงานรัฐ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
  • แจ้งสละสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นหนังสือต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 

วิธีจ่ายเงิน เบี้ยผู้สูงอายุ 2566

  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ่ายเป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ในนามผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหรือในนาม บุคคลที่รับมอบอำนาจเป็นหนังสือจากผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นรายเดือนภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน เว้นแต่กรณีจำเป็น
  • ในการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับมอบอำนาจต้องตรวจสอบจนแน่ใจว่าเป็นบุคคลเดียวกับผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ และต้องได้รับการยืนยันว่าผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุยังมีชีวิตอยู่ ณ วันที่ 1 ของทุกเดือน
  • โดยในกรณีเช่นนี้ให้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเต็มเดือน การโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารให้เป็นไปตามที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดหรือ ตามที่ตกลงกันเป็นอย่างอื่น

วิธีลงทะเบียนรับสิทธิ

ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีบริบูรณ์ โดยเกิดก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของปีนั้นๆ สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีเดียวกัน และเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีถัดไป ก็จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนตุลาคม ซึ่งในปีนี้ก็คืออายุครบ 60 ปีเดือนตุลาคน 2566 นั่นเอง

สถานที่ลงทะเบียน

  • สำนักงานเขตที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในวัน-เวลาราชการ
  • ที่ว่าการอำเภอ, องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในวัน-เวลาราชการ

เอกสารที่ต้องเตรียมไปเพื่อ ลงทะเบียนรับ เบี้ยผู้สูงอายุ 2566

1.กรณีลงทะเบียนด้วยตนเอง

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด
  • สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
  • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก (ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด

2.กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถไปลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มคือ

  • หนังสือมอบอำนาจ (ยื่นแบบฟอร์มให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด
  • สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด
เบี้ยผู้สูงอายุ
ขอบคุณรูปภาพ : Freepik

ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ

Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ