สื่อทั่วโลกติดตามการเลือกนายกรัฐมนตรีของสภาผู้แทนราษฎรไทยอย่างคึกคัก โดยแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ได้รับเสียงโหวต 319 หรือเกือบสองในสามของ สส. สนับสนุนให้เธอเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย
นิวยอร์กไทมส์ เปิดเรื่องว่า “รัฐสภาไทยเลือกแพทองธาร ชินวัตรวัย 37 ปี เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศในวันศุกร์ ส่งให้แคนดิเดตที่ไม่มีประสบการณ์บริหารประเทศทำหน้าที่ผู้นำชาติในภาวะการเมืองที่ปั่นป่วนรุนแรง”
สื่อแห่งนี้กล่าวถึงแพทองธารว่าเป็นลูกคนที่สามและเป็นคนสุดท้องของทักษิณ ชินวัตร นักธุรกิจใหญ่วัย 75 ปี ที่เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001-2006 ซึ่งพรรคของเขา หรือในนามของเขา ต่างชนะเลือกตั้งหลายครั้ง
นิวยอร์กไทมส์ รวมทั้งสื่ออื่น ๆ ต่างกล่าวถึงความเป็นครอบครัวการเมืองของตระกูลชินวัตร และการถูกทหารโค่นอำนาจในสมัยของทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ที่เป็นอาของอุ๊งอิ๊ง รวมทั้งกรณีที่ลุงเขยของเธอ ซึ่งก็คือ อดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกศาลสั่งยุบพรรคของเขา
หนังสือพิมพ์ที่ทรงอิทธิพลในสหรัฐฯ ฉบับนี้ กล่าวว่าแพทองธารเรียนจบคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไปเรียนสาขาบริหารโรงเเรมที่ University of Surrey ที่อังกฤษ นอกจากนั้นยังย้อนดูคำพูดของเธอเมื่อปีเดือนมีนาคม 2 ปีก่อนที่กล่าวว่า เธอรักในธุรกิจโรงเเรม แต่เปลี่ยนใจอยากเล่นการเมืองตั้งแต่มีลูก เพราะอยากสร้างอนาคตที่น่าอยู่ในประเทศนี้สำหรับลูก ๆ ของเธอ
สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งต่างให้รายละเอียดถึงการขึ้นมาซึ่งอำนาจของเธอหลังการเลือกตั้งปีที่แล้ว ซึ่งพรรคเพื่อไทยของแพทองธารไม่ได้ชนะเลือกตั้ง แต่ทางตันทางการเมืองทำให้พรรคอันดับหนึ่งอย่างก้าวไกลไม่สามารถขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ อีกทั้งกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 7 ส.ค. และต่อมาถอดถอนเศรษฐา ทวีวิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น
ส่วนรอยเตอร์ ระบุว่า แพทองธารเป็นมือใหม่ทางการเมือง และได้นำเสนอถ้อยคำที่เธอกล่าวถึงความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีว่าเธอได้พูดกับ อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสินรวมทั้งคนในครอบครัวและในพรรคเพื่อไทย และตัดสินใจว่า “มันถึงเวลาแล้วที่จะทำอะไรให้ประเทศและพรรค” และว่าบอกว่าเธอรู้สึก “เป็นเกียรติและมีความสุขมาก”
ณัฐพร บัวมหากุล ตำแหน่ง Managing Partner ของบริษัทที่ปรึกษา Vero Advocacy บอกกับรอยเตอร์ว่าตระกูลชินวัตรกำลังเดินหมากที่เสี่ยง และการทำเช่นนี้ทำให้แพทองธารตกเป็นเป้าและอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง
รอยเตอร์ได้กล่าวถึงความเสี่ยงในการเมืองไทยในช่วงต่าง ๆ เช่นการปฏิวัติ และคำสั่งตัดสินของศาลที่เคยล้มรัฐบาลได้มาแล้วหลายครั้ง
สื่อเอเอฟพีของฝรั่งเศสรายงานว่า อุ๊งอ๊ง เป็นนายกฯ หญิงคนที่สองของไทย ตามรอยคุณอา อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และเป็นผู้นำฝ่ายบริหารของไทยที่อายุน้อยที่สุด ตลอดจนเป็นบุคคลรายที่สามที่ได้เป็นนายกฯ ไทย จากตระกูลที่ทรงอิทธิพลแต่ก็มีทั้งคนที่รักและชัง
เอเอฟพีอ้างคำพูดของ ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล แห่งคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่กล่าวว่าแพทองธารจะต้องระวังไม่ให้ดูเหมือนว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของอดีตนายกฯ ทักษิณผู้เป็นพ่อมากเกินไป
ทั้งเอเอฟพีและนิวยอร์กไทมส์ระบุว่าความท้าทายข้างหน้าของแพทองธารในฐานะนายกรัฐมนตรี ยังมีเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแรงอีกด้วย
ส่วนสำนักข่าวเอพีสัมภาษณ์ ณพล จาตุศรีพิทักษ์ นักวิจัยสาขารัฐศาสตร์แห่งสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak Institute ที่สิงคโปร์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคศัตรูในอดีตฝ่ายอนุรักษ์นิยม ภายใต้การนำของแพทองธาร อาจสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้มากขึ้น เพราะเธอมีสิ่งที่เศรษฐาไม่มีคือ “สายตรง” ไปยังบิดาผู้ทรงอิทธิพลที่มีอำนาจในการตัดสินใจ