เชียงใหม่จับตาคลัสเตอร์ รร.กวดวิชา จ่อดำเนินคดี "ติวเตอร์" ติดโควิดปกปิดข้อมูล

Home » เชียงใหม่จับตาคลัสเตอร์ รร.กวดวิชา จ่อดำเนินคดี "ติวเตอร์" ติดโควิดปกปิดข้อมูล
เชียงใหม่จับตาคลัสเตอร์ รร.กวดวิชา จ่อดำเนินคดี "ติวเตอร์" ติดโควิดปกปิดข้อมูล

เชียงใหม่จับตาคลัสเตอร์ รร.กวดวิชา จ่อดำเนินคดี “ติวเตอร์” ติดโควิดปกปิดข้อมูล ผู้สัมผัสเสี่ยงกว่า 80 ราย

(18 มิ.ย. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ระลอกเดือนเมษายนจังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่ ศบค. ได้มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการตามระดับพื้นที่สถานการณ์ในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไปนั้น จังหวัดเชียงใหม่ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังสูง (พื้นที่สีเหลือง) ซึ่งการผ่อนคลายมาตรการต่างๆในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังต้องรอการพิจารณากำหนดมาตรการจากที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดยต้องขึ้นกับสถานการณ์ในจังหวัดด้วย ทั้งนี้ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารของทางราชการอย่างต่อเนื่องเพื่อความชัดเจนต่อไป

ในส่วนของการดำเนินคดี กรณีผู้ให้ข้อมูลเท็จหรือปกปิดข้อมูลจากการสอบสวนโรค เนื่องจากพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 บางรายมีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลหรือไม่ให้ความร่วมมือกับทีมสอบสวนโรค ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความล่าช้าของทีมแพทย์สาธารณสุขที่จะเข้าควบคุมพื้นที่ หรือเข้าไปคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูง และอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับส่วนรวม ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ดังนั้นทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จึงขอให้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินคดีต่อผู้ให้ข้อมูลเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน หรือผู้ที่ปกปิดข้อมูลต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรค ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่นำความเสียหายมาสู่จังหวัดเชียงใหม่ได้ต่อไป

ด้านหัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,123 ราย รักษาหายแล้ว 4,073 ราย ผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 24 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลรัฐ 19 ราย โรงพยาบาลเอกชน 5 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ที่  26 ราย

ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 15 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 7 ราย และผู้ป่วยอาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 42 ราย โดยการตรวจผู้สัมผัสและผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย. 64) ได้มีการตรวจหาเชื้อ จำนวน 705 ราย พบเชื้อ 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.14 ซึ่งปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นการสัมผัสในครอบครัว ในที่ทำงาน และการนำเข้าเช่นเดิม

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ยังไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการเฝ้าระวัง จากกรณีสถาบันกวดวิชาที่มีติวเตอร์ติดเชื้อ เนื่องจากมีการปกปิดข้อมูล ซึ่งจากการสอบสวนพบว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อที่จังหวัดแพร่ จากนั้นได้นำมาแพร่เชื้อต่อผู้ร่วมงานในสถาบัน ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ของวันนี้ คือ CM4206 ที่ให้ข้อมูลไทม์ไลน์ไม่ชัดเจนเช่นเดียวกัน โดยจากการที่ผู้ติดเชื้อ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ยอมให้ความร่วมมือกับทีมสอบสวนโรคด้วยการปกปิดข้อมูลรายชื่อของนักเรียนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง 6 รายนั้น ทำให้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดเป็นคลัสเตอร์ในจังหวัดเชียงใหม่ได้

ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้เป็นนักศึกษาชายของวิทยาลัยเทคนิค อายุ 15 ปี มีกลุ่มเสี่ยงสูงเป็นนักศึกษาร่วมแผนกและอาจารย์ที่อยู่ในวิทยาลัย ที่จะทำการตรวจคัดกรองในวันนี้ (19 มิ.ย.64) 80 ราย และจากการปกปิดข้อมูลนี้ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จึงประกาศให้สถาบันกวดวิชา Learn Si’r (เลิร์น เซอร์) เป็นพื้นที่เสี่ยง ขอให้ผู้ที่เดินทางไปสถานที่ดังกล่าว ระหว่างวันที่ 12-14 มิ.ย.64 ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง และต้องกักตัวเอง 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ไปสถานที่ดังกล่าว

สำหรับข้อมูลการฉีดวัคซีน ขณะนี้มีผู้ประสงค์จะฉีดวัคซีน จำนวน  803,227 คน คิดเป็น 67% ของเป้าหมายการฉีด 1.2 ล้านคน ทั้งนี้มีการฉีดวัคซีนให้ชาวเชียงใหม่แล้วจำนวน 145,519 โดส แบ่งเป็น แอสตร้าเซนเนก้า เข็มแรก  27,329 โดส,ซิโนแวคเข็มแรก 80,326 โดส และซิโนแวคเข็มที่สอง 37,864 โดส หรือคิดเป็นจำนวนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 107,655 คน ทั้งนี้ขอเชิญชวนชาวเชียงใหม่ร่วมใจลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ป้องกันโรค โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ “ก๋ำแปงเวียง” ซึ่งขณะนี้วัคซีนได้ทยอยเข้ามาแล้ว และจะทยอยฉีดเพิ่มเติมได้ ตั้งแต่วันจันทร์หน้าเป็นต้นไป พร้อมขอย้ำว่าวัคซีนทุกยี่ห้อที่ได้จัดสรรมามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ