จากกรณีที่เมื่อเช้าวานนี้ (20 มี.ค.) พายุฤดูร้อนพัดผ่านมาถล่มกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากนั้นกลางดึกก็เกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนหลายพื้นที่ได้กลิ่นเหม็นไหม้ลอยในอากาศ ทั้งบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต, ด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และตลาดจตุจักร และนนทบุรี อีกทั้งบรรยากาศเหมือนควันปกคลุม ทำให้ประชาขน แสบคอ แสบตา แสบจมูกนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 67 เวลาประมาณ 00.05 “เพื่อนชัชชาติ” โพสต์ข้อความลงใน X (ทวิตเตอร์) โดยระบุว่า พรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ และผู้บริหารด้านความยั่งยืน กทม. ได้ชี้แจงถึง 3 สาเหตุ กลิ่นไหม้ ดังนี้
- ทิศทางลมวันที่ 20 เป็นทิศตะวันออก (ตามภาพที่ 1) ซึ่งต่างจากวันอื่น ๆ ช่วงนี้ที่มาจากอ่าวไทย ส่วนจุดเผาในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมาพบที่ปริมณฑลหลายจุด
- ระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฤดูร้อน ประกอบกับมีความกดอากาศสูงผ่านทางอีสานมาเมื่อวาน ส่งผลให้ความสูงของชั้นบรรยากาศผสม (Mixing Height) ลดต่ำลง ฝุ่นละอองเกิดการสะสมตัวเพิ่มมากขึ้น
- ความชื้นในบรรยากาศทำให้เกิดฝุ่นละออง PM2.5 ทุติยภูมิ (Secondary PM2.5) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชนิดที่เกิดจากพวกสารประกอบไนโตรเจนและแอมโมเนียจะเกิดปฏิกิริยาได้ดีในสภาวะที่มีความชื้นสูง
- ทบ.โร่แจง ปม ผู้ช่วย สส. ก้าวไกล ผูกคอดับ เช็กแล้ว ‘คมทัช’ มีปัญหากับแฟน
- ตำรวจเกาะพะงัน นำตัว สาวรัสเซียถีบสาวท้องแก่ ส่งศาลฟ้อง จี้! ถอนวีซ่า
- ครูปรีชา โล่งอก! หลังศาลให้ประกันตัววงเงิน 7.5 หมื่น พร้อมเดินหน้ายื่นอุทธรณ์
นอกจากนี้ อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ อธิบายถึงสาเหตุของกลิ่นไหม้ ระบุว่า ที่ผ่านมา กทม. นนทบุรี ค่าฝุ่นในอากาศเยอะ และอากาศร้อนจัดติดกันหลายวัน เมื่อฝนตกลงมาทำให้เกิดเป็นก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซที่มีกลิ่นรุนแรงเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เมื่อไปรวมกับน้ำฝน ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีกลายเป็นกรดซัลฟิวริก โดยกรดซัลฟิวริก จะมีกลิ่นคล้ายกำมะถัน จึงเป็นสาเหตุกลิ่นไหม้กระจายฟุ้งไปทั่วพื้นที่ อย่างไรก็ตามกลิ่นนี้ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะเกิดการเจือจางไปแล้ว แต่ที่ยังมีกลิ่นอยู่ เนื่องจากหลังจากฝนตกหนัก ลมไม่แรง อากาศไม่ถูกพัดทำให้กลิ่นยังอยู่