ไฟไหม้ภายในอุโบสถ “วัดโพธิ์เจดีย์ลอย” มรดกเก่าแก่ที่มีตำนานความศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอาวาสยังไม่ปักใจว่าเป็นอุบัติเหตุ
(3 เม.ย.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา ได้เกิดเพลิงไหม้ภายในพระอุโบสถ ของวัดโพธิ์เจดีย์ลอย หมู่ 3 ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยโบราณ และมีโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์อยู่ภายในวัด โดยเฉพาะเจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้นมานับร้อยปี ถึงแม้ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าสร้างขึ้นในยุคสมัยใด แต่มีตำนานที่เล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านมากราบไหว้ขอพรต่างๆ แล้ว มักจะประสบผลสำเร็จตามคำอธิษฐานอยู่เสมอ จึงเป็นมรดกล้ำค่าของจังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนจะมีการบอกเล่าสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
พระอธิการมี อภิชาโต หรือหลวงปู่มี อายุ 96 ปี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เจดีย์ลอย ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ เล่าว่า ตามปกติ ท่านจะทำวัตรที่ในพระอุโบสถในช่วงตอนเช้าเวลา ตี 4 และช่วงตอนเย็นเวลา 5 โมงเย็น แต่เนื่องจากเมื่อวานรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงได้งดกิจทำวัตรเย็น จนเมื่อเวลาตี 4 เช้าวันนี้ หลวงปู่ได้ไปเปิดประตูโบสถ์เพื่อจะทำวัตรเช้า แต่ต้องตกใจเมื่อพบว่า ภายในพระอุโบสถถูกไฟไหม้ โดยกระถางธูปและเครื่องสักการะที่อยู่หน้าพระประธานในโบสถ์ รวมทั้งพรมปูพื้น ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด จึงได้ให้โยมไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งหลวงปู่มีตั้งข้อสงสัยเหตุที่เกิดไฟไหม้ในโบสถ์ในครั้งนี้ว่า อาจจะมีคนสร้างสถานการณ์ เพื่อทำลายความเชื่อถือและความศรัทธาในตัวหลวงปู่ เพราะญาติโยมจะรู้ว่าหลวงปู่เป็นผู้ถือกุญแจเปิดปิดพระอุโบสถแต่เพียงผู้เดียว แต่ถึงแม้พระอุโบสถจะมีการปิดประตูอย่างดี แต่หน้าต่างก็ไม่ได้ล็อคกลอน เปิดได้ทุกบาน จึงอยากจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงว่า การเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้เกิดจากอะไรกันแน่ ซึ่งหลวงปู่ยอมรับว่าภายในวัดมีความขัดแย้งกับคนบางกลุ่ม ในเรื่องเงินที่เป็นรายได้ของวัด แต่ก็ต้องรอดูหลักฐานจากเจ้าหน้าทีตำรวจก่อน
สำหรับประวัติของวัดโพธิ์เจดีย์ลอย เดิมเป็นวัดร้าง ที่สร้างขึ้นมาหลายร้อยปี จนในปี 2385 ได้มีพระสงฆ์มาจำพรรษาอยู่ ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างเจดีย์ขึ้นภายในวัด ในขณะที่ชาวบ้านกำลังช่วยกันขนอิฐ ปูน ทราย จากเตาเผาที่ผลิดขึ้นเองในสมัยนั้น เพื่อสร้างเจดีย์ด้วยฐานยาว 4 เมตร และสูง 9.19 เมตร ก็ได้เกิดอาเพศขึ้นในอากาศ ท้องฟ้าเกิดมืดครึ้มเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ติดต่อกัน เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว ชาวบ้านไม่สามารถออกจากบ้านไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ และเมื่อท้องฟ้าแจ่มใสเป็นปกติ สิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คือ “องค์พระเจดีย์” ลอยอยู่เหนือพื้นดิน ขนาดกลองเพลใบย่อมกลิ้งผ่านไปมาได้ ได้ปรากฏขึ้นอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก
ทำให้ชาวบ้านต่างพากันโจษขานว่า “เทวดาสร้างให้เป็นสมบัติคู่บ้านโภชน์คู่เมืองเพชรบูรณ์” ต่อมา เจดีย์ที่ลอยอยู่ ถูกภัยทางธรรมชาติ ชะล้างและดินหินทรายได้เข้าทับถม ทำให้ฐานของเจดีย์ลอยต่ำลง พอที่จะให้ไก่ฟักไข่เท่านั้น และจากคำบอกเล่าต่อๆ กันมาว่า คนยากจนขัดสนเงินทองพากันมาอาศัยพึ่งเงินและทองที่อยู่ใต้ฐานองค์เจดีย์ ยืมไปใช้จ่าย ถึงเวลาก็นำกลับคืนเข้ายังที่เดิม ต่อมาคนเกียจคร้านที่ไม่ยอมทำมาหากิน ได้หยิบยืมเงินทองที่อยู่ใต้ฐานหลวงพ่อเจดีย์ลอยไปใช้ในทางที่ผิด เช่น เล่นการพนันบ้าง ดื่มสุราบ้าง เมื่อถึงเวลานัดแล้วไม่ส่งคืนอย่างเดิม ตั้งแต่นั้นมาองค์พระเจดีย์ก็จมลงใต้ดิน จนถึงปัจจุบัน และเมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกๆ ปี ซึ่งเป็นวันที่เกิดปรากฏการณ์ขององค์พระเจดีย์ ชาวบ้านจะพากันทำบุญตักบาตร จัดมหรสพสมโภช สรงน้ำองค์พระเจดีย์ และเปลี่ยนผ้าสามสีที่ห่มองค์เจดีย์เป็นประจำทุกปี