เจ้าของร้านทำผมผวาหนัก! ลูกน้องเก่าพาชายฉกรรจ์มาทำร้าย ชักปืนจ่อหัว ใช้เท้าถีบ ขู่จะยิงมึงให้ตาย แค้นที่ไล่เมียออก-ไม่จ่ายค่าแรง แจ้งความคดีไม่คืบ
กรณีเฟซบุ๊กชื่อ Chanya Jaroensin โพสต์ภาพใบแจ้งความ และรูปชายใส่เสื้อสีดำ กางเกงสีน้ำเงิน ระบุข้อความ ผู้ร้ายข้อหาพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย ใครมีเบาะแส ที่อยู่ แจ้งมาที่เจ๊แหวน #มีรางวัลให้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มี.ค.66 ในตลาดสดแม่สมปอง จ.ภูเก็ต มีชายฉกรรจ์ 3 คน บุกเข้ามาในร้านแหวนบิวตี้ ชักปืนออกมาขู่ว่า มึงไม่จ่ายค่าแรงเมียกู จากนั้นเมียคนร้าย เข้ามาล็อกตัวเจ้าของร้าน คนร้ายเงื้อปืนทำทีว่าจะตบ ก่อนถีบเข้าที่หน้าท้องเจ้าของร้าน หลานสาวจึงวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือ
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ภายในตลาดแม่สมปอง พบกับ น.ส.ชัญญา หรือเจ๊แหวน อายุ 37 ปี กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.30 น. ตนขายของหน้าแผงปกติ แล้วมีลูกน้องที่เป็นผู้หญิงที่โดนไล่ออกไปแล้ว เดินมาตาม ตนเห็นว่าเขามาคนเดียวเป็นผู้หญิง ตนไม่อยากให้คนนอกรู้ว่ามีปัญหาอะไร เพราะกลัวเขาอาย ก็เลยเรียกเขาไปคุยในห้อง พาเข้ามาในร้านเสริมสวย
ตนไม่รู้ว่าเขาพาชายฉกรรจ์มาด้วย เห็นในกล้องวงจรปิด พอเข้ามาถึงกำลังจะบอกว่า ทำไมเขาถึงโดนไล่ออกและโดนหักเงินด้วย กำลังคุยกันอยู่ ก็มีชายน่ากลัวมากเปิดประตูเข้ามาแล้วก็โวยวาย ตนก็เลยลุกขึ้นไปเพื่อจะอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่เขาโมโหมาก เขาไม่ฟังว่าเรื่องเป็นอย่างไร เปิดเสื้อแล้วชักปืนออกมาขู่ว่า “จะยิงมึงให้ตาย”
ในร้านไม่ได้มีแค่คนเดียว ยังมีหลานสาวอยู่ด้วย ก็กลัวอันตราย เราก็พุ่งไปหาเขา ลูกน้องเก่าผู้หญิงที่เป็นเมียเขาล็อกตัวเราไว้ เราก็พยายามจะสลัดออก เขาก็เงื้อมือขึ้นทำท่าจะตบด้วยปืน แต่พยายามหลบเพื่อนำตัวเข้าไปบังไว้ เพื่อให้หลานสาวหนีไป หลานสาวก็หนีไม่ได้ เพราะข้างนอกมีผู้ชายที่เขาพามาด้วย 2 คน ยืนบังหน้าร้านอยู่ ก็เลยออกไม่ได้ จึงชุลมุนกัน เขาก็ยกเท้าถีบเรา
ตนก็พยายามสะบัดผู้หญิงให้ออก พอช่วงชุลมุนหลานสาวก็วิ่งออกไปตะโกนเรียกคนมาช่วย แต่ความที่ตลาดมีเสียงเพลงดังมาก เรียกใครช่วยไม่ทัน ก็เลยชุลมุนอยู่ข้างหน้าร้าน จนเขาสตาร์ทรถหนีออกไป เหลือแต่ผู้หญิงที่ล็อกตัวเราไว้ แล้วก็มีคนในตลาดที่เริ่มสังเกตเห็นแล้วว่ามีอะไร ก็วิ่งตามมา
น.ส.ชัญญา กล่าวต่อว่า เรื่องคือตนเปิดแผงขายของ ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกน้องทำงานกับตนมาหลายเดือนแล้ว ทำงานนานที่สุด ตนต้องไปต่างจังหวัด ก็เลยสั่งงานเขาไว้ 1 2 3 ทั้งโทรสั่งและเป็นคลิปเสียงส่งให้ ตนคิดว่าตนไม่อยู่ก็เลยจะให้เขาจัดการให้ เขาก็รับปาก ถ้าเขาปฏิเสธ เราก็จะได้ไม่ใช้เขา
“เขารับปากว่าจะทำให้ พอถึงเวลาเขาไม่ทำให้ มีการเสียหายอยู่ภายในร้าน คือของหมดไม่มีการสั่งออเดอร์ ไม่มีของขายหน้าร้าน ร้านต้องปิดผลิตภัณฑ์น้ำ ที่เราทำไว้ ไม่มีการดูแลเลย มันก็เลยเสีย ไม่มีการใส่น้ำแข็งไม่มีการดูแลรักษา ของเสียหายหมดเลย พอเรากลับมามูลค่าความเสียหายประมาณ 2-3 หมื่นบาท ก็เลยปลดพนักงานชุดนั้นทั้งชุดเลย แล้วก็หักเงินไว้ แต่เงินหักคนนึงไม่ได้เยอะหรอก แต่ชุดที่ไม่ยอมออก เขาขอแก้ตัว เขาก็ขอทำต่อ ก็มีตนก็หักแค่ 200บาท เพราะเขาเพิ่งมาทำงาน” น.ส.ชัญญา กล่าว
น.ส.ชัญญา กล่าวอีกว่า คนที่ออกไปตนก็หักไม่เยอะ หักแค่หลักร้อย แต่คนนี้เป็นคนที่รับผิดชอบ คนหลักเลย ตนหักเขาไว้ 2,400 บาท ซึ่งเขาไม่ยอม เขาออกไปตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. จนถึงวันที่ 23 มี.ค. เขาเข้ามาคุยกับตน ซึ่งลูกน้องคนอื่นเขาเข้ามาคุยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องแล้ว เขาก็ได้เงินชดเชยกลับไป ตนให้ทุกคนและมีพยาน แต่เขาไม่เลือกที่จะทำแบบนั้น เขาพาสามีมาพาปืนเข้ามามุ่งร้ายต่อตน ถ้าเขาพูดดีๆ ตนให้อยู่แล้ว เพราะตนแจกโบนัสลูกน้องมากกว่านั้นอีก แต่เขาไม่เลือกวิธีนั้น เขาเลือกวิธีที่จะพาปืนเข้ามาเพื่อที่จะข่มขู่เรา เพื่อที่จะยิงเรา
“ตอนที่เกิดเหตุนั้นความกลัวไม่มี มีความรู้สึกที่ว่า กลัวคนที่อยู่กับเราไม่ปลอดภัย เราต้องทำยังไงก็ได้ ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด คือถ้าเราเจ็บคนอื่นต้องไม่เจ็บ เวลาผ่านไปแล้ว ตอนนี้กลัวไหมกลัว เพราะเราไม่สามารถจับคนร้ายได้ ทั้งที่เรามีพิกัด ที่อยู่ ที่ทำงานเขา เราแจ้งไปยังหน่วยงานต้นสังกัดเขา แต่ทุกอย่างนิ่งหมดเลย กลายเป็นว่าดิฉันเป็นผู้เสียหาย เราต้องมานั่งระแวงเอง เราทำงานไม่ได้เต็มที่ เราจะไปไหนเราก็กลัว เราต้องรอให้คนพาไปทำงานตรงนั้นตรงนี้” เจ๊แหวน กล่าว
เจ๊แหวน กล่าวว่า ตนแจ้งความไว้ตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุเลย คุยไว้กับนายตำรวจที่รับแจ้งไว้ เขาอธิบายให้ฟังว่า เขาได้รับแจ้งไว้ แล้วเขาจะออกหมายเรียก ออกหมายเรียก 2 ครั้ง ถ้ายังไม่มา ก็จะออกหมายจับให้ แต่ตนอยากให้ตำรวจรับรู้ไว้ว่า ตนเป็นผู้เสียหาย
ตอนนี้อยู่ด้วยความหวาดกลัว หวาดระแวง ดำเนินชีวิตไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา ตนมีร้านขายข้าวแกง ต้องไปซื้อของตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ซึ่งเป็นอะไรที่กลัวมาก ไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะเป็นงานของตน กลางคืนจะปิดร้านก็ 23.00 น. เที่ยงคืน ตลาดปิดหมดแล้ว มืดหมดแล้ว ตนยังต้องเก็บของกัน
ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาทำร้ายลับหลังตอนไหน เพราะเขารู้แล้วว่า ตนแจ้งความ แต่เขายังไม่ได้ดำเนินคดี เขายังไม่ได้โดนจับไป ทั้งที่เขาอุกอาจ มีปืนมีอะไรในครอบครองทำให้ตนรู้สึกว่า ตนกับหลานที่เป็นพยาน อยู่กันยากมากและหวาดกลัวมาก ถ้าเขามาทำร้ายอะไรตนอีก ตนก็ตอบโต้เขาไม่ได้ เพราะตนไม่มีอาวุธอะไร หวังพึ่งตำรวจให้ดำเนินการให้รวดเร็วกว่านี้ ให้นึกถึงชีวิตของประชาชนด้วย
ด้าน น.ส.แพรวพรรณ อายุ 28 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ เล่าว่า ตนนั่งอยู่ตรงนี้เขาเข้ามาทางประตู ตอนแรกผู้หญิงเดินเข้ามาก่อน ตอนนั้นรู้สึกตกใจเห็นปืนด้วย จากวันนั้นถึงวันนี้ตนรู้สึกกลัว กลัวเขาจะกลับมาอีก ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้อยู่ๆ เขาก็นำปืนมาข่มขู่ กลัวเขาจะเข้ามาทำร้ายทั้ง 2 คน กลัวเขาจำผิดคน เพราะว่าหน้าตนคล้ายอา ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้ ผู้หญิงคนนี้ตอนทำงานเขาก็ดี เขาทำงานดี พอเลิกงานแล้วเขาก็จับกลุ่มซุบซิบกัน