เจ้าของบ้านโวย ผู้รับเหมาทิ้งงานโครงการบ้านจัดสรร เบิกเงินธนาคารหลังละเกือบล้าน แถมเบี้ยวจ่ายค่าจ้างช่าง ผู้เสียหายวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้เสียหายโครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พาดูพื้นที่ก่อสร้างภายในโครงการที่ถูกผู้รับเหมาเจ้าของโครงการทิ้งงานก่อสร้าง หลังตกลงซื้อที่ดินและว่าจ้างให้สร้างบ้านบนเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางวา ราคาตั้งแต่ 1.1-1.3 ล้านบาท
แต่เมื่อครบสัญญาการก่อสร้างบ้านกลับไม่แล้วเสร็จ และเบิกจ่ายเงินไปเกินกว่าปริมาณงานที่ทำไว้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เพราะต้องชำระเงินกู้สร้างบ้านกับธนาคาร แต่กลับยังเข้าอยู่ในบ้านไม่ได้ จึงร้องเรียนไปตามหน่วยงานต่างๆ แต่ได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่องการผิดสัญญาที่ผู้เสียหายต้องฟ้องร้องกับผู้รับเหมาเอาเอง
น.ส.พัทธนันท์ ศรีทองธรรม และ น.ส.วิลันดา นานอก ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า พวกตนจำนวน 7 คน ตัดสินใจมาซื้อที่ดินและสร้างบ้านกับทางโครงการ โดยเจ้าของโครงการชื่อ นายลอย (นามสมมุติ) พาเดินเรื่องขอเงินกู้สร้างบ้านกับทางธนาคารเป็นที่เรียบร้อย และเริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา
เมื่อการก่อสร้างผ่านไประยะหนึ่ง บริษัทประเมินเข้ามาตรวจสอบปริมาณงาน ก็เบิกจ่ายเงินงวดแรกให้กับเจ้าของบ้านนำไปจ่ายให้กับเจ้าของโครงการไปประมาณ 4 แสนบาทเศษ แต่ผ่านไปไม่นาน บริษัทประเมินก็เข้ามาตรวจสอบปริมาณงาน พร้อมให้ธนาคารจ่ายเงินงวดที่ 2 ให้เจ้าของบ้านนำเงินไปจ่ายให้กับเจ้าของโครงการอีกประมาณรายละ 5 แสนบาท รวมเป็นเงินที่เจ้าของบ้านจ่ายให้เจ้าของโครงการไป 8-9 แสนบาท แต่ขณะนั้น บ้านก่อสร้างได้ราว 50% ของเนื้องานทั้งหมด
หลังจากนั้น เจ้าของโครงการก็เริ่มมีปัญหากับช่างและคนงานก่อสร้าง เพราะไม่จ่ายเงินให้กับช่างที่มาก่อสร้างบ้าน รวมทั้งไม่สั่งวัสดุให้ทำงานต่อ เมื่อเจ้าของบ้านเข้ามาสอบถามเจ้าของโครงการถึงสาเหตุที่หยุดไม่ทำการก่อสร้างต่อ แต่ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาพบ เมื่อตามไปหาที่บ้านก็หลบหน้า ปล่อยหมาออกมาไล่ผู้เสียหาย
น.ส.พัทธนันท์ กล่าวต่อว่า เมื่อแน่ชัดแล้วว่า เจ้าของโครงการไม่ยอมสร้างบ้านต่อจนเสร็จตามสัญญา ก็ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม พร้อมไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ก็ได้รับแจ้งว่าเป็นเรื่องการผิดสัญญาระหว่างเจ้าของบ้านกับผู้รับจ้าง ต้องไปฟ้องร้องกันเอาเอง เมื่อแจ้งไปยังธนาคาร ก็ได้รับแจ้งว่าพยายามติดต่อนายลอย เจ้าของโครงการมาพูดคุยกับผู้เสียหาย ก็ไม่ยอมมาพบ ธนาคารจึงสั่งหยุดการทำนิติกรรมใดๆ ที่นายลอยมีกับธนาคารไว้ทั้งหมด จนกว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ปัญหา
ขณะนี้ผู้เสียหายทั้ง 7 ราย ทำได้เพียงขอให้ธนาคารขยายเวลาของสัญญาจากเดิมที่จะครบสัญญาต้องทำบ้านให้แล้วเสร็จช่วงเดือนต.ค.ถึงพ.ย.ปีนี้ ไปถึงเดือนม.ค.ปีหน้า ซึ่งเจ้าของบ้านบางคนที่พอมีกำลัง ก็ไปกู้ยืนเงินมาจ้างช่างชุดใหม่เข้ามาทำงานต่อ เพื่อให้งานก่อสร้างบ้านได้ปริมาณงานตามที่ธนาคารกำหนด แล้วขอเบิกเงินค่าสร้างบ้านงวดสุดท้าย
แต่ผู้เสียหายอีก 6 รายไม่มีกำลัง เพราะมีภาระต้องจ่ายเงินค่างวดบ้านให้กับธนาคาร จึงไม่สามารถไปกู้ยืมเงินนอกโครงการ มาจ้างช่างมาทำงานต่อในส่วนที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ จึงได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะนอกจากต้องจ่ายเงินค่างวดบ้านให้ธนาคารทุกเดือนแล้ว ถ้าบ้านสร้างไม่เสร็จ ก็เท่าผิดสัญญากับทางธนาคาร ก็ไม่มีบ้านอยู่ แต่ต้องมีหนี้กับธนาคารไปนานถึง 30 ปี
“อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดอุบลราชธานี หรือสำนักงานใหญ่ของธนาคารมาตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของเจ้าของโครงการที่ทิ้งงาน” น.ส.พัทธนันท์ กล่าว
นอกจากเจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหายจากการทิ้งงานของผู้รับเหมารายนี้ คนงานที่เป็นลูกจ้างก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน โดย น.ส.จารุวรรณ จันกว้าง อายุ 25 ปี คนงานของโครงการที่ยังพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร เพื่อรอเงินที่เจ้าของโครงการค้างค่าแรง เล่าว่า ช่วงแรกของการก่อสร้าง มีช่างเข้ามาทำงานประมาณ 3 ชุด
ต่อมานายลอย เจ้าของโครงการค้างค่าแรงคนงานมาต่อเนื่อง จนไปฟ้องร้องกับทางแรงงานจังหวัดเข้ามาตรวจสอบ แต่เจ้าของโครงการก็ยังไม่ยอมจ่ายเงินค่าแรงที่ค้างไว้ จนฟ้องร้องเรียกค่าแรง และหยุดทำงาน ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อเข้าพรรษามาแล้ว ส่วนตนก็ยังอาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อรอเงินค่าแรงที่นายลอยยังค้างอยู่ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องไปหางานทำที่อื่นต่อไป
ขณะที่นายสาคร ธานี อายุ 29 ปี ผู้รับเหมาถมดินให้โครงการก็เป็นอีกหนึ่งผู้เสียหายที่นายลอย ยังค้างค่าดินที่นำมาถมเพิ่มเติมในโครงการ กล่าวว่า ขณะตนเอาดินมาถมบ้านที่อยู่ใกล้กับโครงการ ก็ได้รับการว่าจ้างจากนายลอย ให้นำดินมาถมเพิ่มให้ประมาณ 30 คันรถ
ตอนแรกตนนึกว่าเป็นเจ้าของโครงการเดียวกับบ้านที่ตนนำดินมาถมให้ แต่หลังนำดินมาถมให้ก็ถูกเบี้ยวไม่จ่ายค่าดิน ตนต้องติดตามทวงถามหลายครั้งก็ได้เงินมาส่วนหนึ่ง และยังค้างค่าดินอีกส่วนหนึ่ง เมื่อโทรศัพท์ไปติดตามตอนหลังก็ติดต่อไม่ได้แล้ว
ล่าสุดผู้เสียหายไปเจอกับเมียของนายลอย ขณะพาลูกค้ารายใหม่ จะไปทำสัญญาสร้างบ้านหลังใหม่กับทางธนาคาร จึงทวงถามที่ไม่ทำงานต่อให้แล้วเสร็จ ต่อหน้าลูกค้ารายใหม่ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อ ทำให้เมียของนายลอย รีบเดินหนีออกไปจากธนาคาร โดยไม่ยอมพูดจากับกลุ่มผู้เสียหาย ทำให้ยังไม่สามารถตกลงกันได้
และถือเป็นโชคดีของลูกค้ารายใหม่ ที่มาพบกับเหตุการณ์ ขณะกำลังจะมาทำสัญญาจ้างให้นายลอย สร้างบ้านโครงการที่เหลือ จึงยกเลิกความตั้งใจที่จะมาซื้อบ้านในโครงการของนายลอยไปด้วย