เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และอดีต สส. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีที่วันนี้(9 ส.ค.) พรรคเพื่อไทยมีการนัดหมายพูดคุยกับพรรคก้าวไกล ในประเด็นเรื่องการขอเสียงโหวตแคนดิเดตนายกของเพื่อไทย โดย อมรัตน์ ระบุว่า
“การขอโทษที่ดีที่สุด คือกลับใจมาร่วมกับขั้ว 8 พรรคเดิมที่มี 312 เสียงและใช้ MOU เดิมที่เคยทำร่วมกัน”
ย้อนกลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมา อมรัตน์ได้โพสต์ข้อความหลายครั้งเกี่ยวกับประเด็นการ “ง้อ” ของเพื่อไทย อาทิ
“จะทำไงดีน้าาา ถ้าเขามาง้อให้ช่วย”
“การตัดสินใจใดๆ จะเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ คำนึงถึงผลประโยชน์ ของผู้ปรารถนาการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การผูกใจเจ็บส่วนตัว”
“คิดอีกทีเราก็ไม่ได้ขี้เหร่ต้องใจแข็งไว้” และ “ต้องเช็กให้ชัวร์ก่อนว่าง้อจริงไม่ใช่เทคนิคขอเสียง”
ขณะที่เมื่อเช้านี้ อมรัตน์ เปิดใจผ่านรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ทางช่อง สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เปิดเผยว่า วันนี้มีการพูดคุยระหว่างก้าวไกล กับเพื่อไทยอีกครั้ง โดยเมื่อวานได้สอบถามความคิดเห็นประชาชนเรื่องการพูดคุยกับก้าวไกลอีกครั้งจะเห็นอย่างไร โดยสส.ในพรรค ได้กระจายกันไปสอบถามประชาชนทั้งออนไลน์ และประชาชนในพื้นที่ ประกอบการพิจารณาในการประชุมลงมติ
โดย นายชัยธวัช เลขาธิการพรรค ได้แจ้งในการประชุม สส.ก้าวไกล เมื่อวานนี้ว่า พรรคเพื่อไทยได้นัดหมายมาพูดคุยกัน 2 พรรค ระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทย แต่ส่วนตัว อมรัตน์ไม่ทราบรายละเอียดว่า นัดที่ประชุมใหญ่หรือเป็นการนัดส่วนตัว ซึ่งจะทำให้ทราบท่าทีพรรคเพื่อไทย ว่าจะคุยในประเด็นไหน เรื่องอะไร หรือ มาขอให้เราทำอะไร
เมื่อถูกถามความเห็นโดยส่วนตัว ว่าหากเป็นตัวเองจะโหวตให้แคนดิเดตนายกเพื่อไทยหรือไม่นั้น นางอมรัตน์ กล่าวว่า
“ตนเองไม่เป็น ส.ส.ไม่มีสิทธิโหวต เป็นเพียงกรรมการพรรค ส่วนตัว ถ้ามีสิทธิโหวตได้ ก็คงไม่โหวตให้ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่แค้น เรื่องแค้นเป็นความรู้สึกตื้นเขินเกินไป ความรู้สึกส่วนตัวต้องวางไว้ก่อน แต่คิดว่า MOU 8 พรรค เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ไม่ใช่เรื่องการตอบแทนบุญคุณว่า โหวตพิธา แล้ว ต้องไปโหวตให้เศรษฐา เพราะ MOU ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า ถ้าแคนดิเดตของก้าวไกล มีอันเป็นไปจากเรื่องหุ้นสื่อหรือด้วยอะไรก็ตาม เราจะโหวตให้แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยด้วย MOU เดิม ไม่ใช่เป็นเงื่อนไขที่รวมหัวกันถีบก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วจะให้ไปโหวตให้ ไม่ใช่ล้มล้างผลการเลือกตั้งแบบนี้ ทำให้ผลการเลือกตั้งไม่มีความหมาย” นางอมรัตน์ กล่าว