ชัชชาติ-ปรเมศวร์ หารือ บิ๊กตู่ ชื่นมื่น ก่อนร่วมถกศบค.ชุดใหญ่ เจ้าบ้านนำปรบมือต้อนรับ เล็งเพิ่มมาตรการผ่อนคลาย ปรับพื้นที่สีเขียว
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2565 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ที่เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก โดยช่วงเช้านายชัชชาติ ยังสงวนท่าทีไม่ให้สัมภาษณ์ใด
ก่อนการประชุม ศบค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้นำ นายชัชชาติ พร้อมด้วย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าพบนายกฯ ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี หลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ ใช้เวลาหารือ 20 นาที
รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศในการพูดคุยเป็นไปอย่างเป็นกันเอง นายกฯ นายชัชชาติ และพล.อ.อนุพงษ์ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ก่อนที่นายกฯจะเชิญทุกคนเข้าห้องประชุม ศบค. ยกเว้นนายวิษณุ ที่มีภารกิจข้างนอก
ทันทีเข้าห้องประชุม ศบค. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต้อนรับนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ ซึ่งทั้ง2คนได้ลุกขึ้นสวัสดีทุกคนในห้อง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ยังนำปรบมือต้อนรับอย่างเป็นทางการ
สำหรับการประชุม ศบค.ในครั้งนี้ จะมีการประเมินสถานการณ์รอบ 10 วัน และสถานการณ์ภาพรวมที่ผ่านมา โดยจัดทำข้อเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณามาเป็นลำดับ ควบคู่กับนโยบายด้านการป้องกันการแพร่ระบาดที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ โดยต้องจับตาที่ประชุมจะพิจารณาปรับให้ผ่อนคลายให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตและประกอบอาชีพได้ใกล้เคียงภาวะปกติให้มากที่สุดอย่างปลอดภัยภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และมีแผนด้านสาธารณสุขรองรับในทุกพื้นที่ เช่น การปรับพื้นที่สถานการณ์ให้เป็นพื้นที่ตามมาตรการสีเขียว (มาตรการเฝ้าระวัง) ให้มากที่สุด
ขณะที่การผ่อนคลายการเปิดกิจการและสถานบริการกลางคืนที่มีความเสี่ยงให้ดำเนินการได้ใกล้เคียงกับภาวะปกติให้มากที่สุดอย่างปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนที่เป็นห่วงโซ่การประกอบอาชีพด้านนี้ได้มีงานทำและมีรายได้ เรื่องการสวมหน้ากากได้พิจารณาเสนอให้มีการผ่อนคลายให้ไม่ต้องสวมหน้ากากในสถานที่หรือกิจกรรมบางประเภทได้โดยสมัครใจภายใต้ข้อแนะนำด้านสาธารณะสุขอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับส่วนรวมด้วย
นอกจากนี้ จะเสนอปรับมาตรการเข้าออกประเทศที่เกี่ยวข้องกับระบบ Thailand Pass ให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้นให้สอดคล้องกับผลการประเมินที่พบว่ามีความเสี่ยงต่ำมาก และเอื้อต่อการจูงใจนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติที่จะมาท่องเที่ยวและทำธุรกิจในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะการค้าขายตามแนวชายแดนทั้งที่เป็นจุดผ่านแดนถาวร หรือจุดผ่อนปรนทางการค้าตามแนวชายแดน รวมทั้งการท่องเที่ยวผ่านเรือสำราญขนาดเล็กและขนาดใหญ่ด้วย
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอแผนการบริหารจัดการวัคซีนและมาตรการรณรงค์ให้ ประชาชนได้รับวัคซีนได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความปลอดภัยและไม่เจ็บป่วยรุนแรงเมื่อได้รับเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงแต่ละประเภทต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลเป็นห่วงมากที่สุด โดยการดำเนินการทุกอย่างต้องสอดคล้องกับการประเมินสถานการณ์ในปัจจุบันในทุกมิติ รวมทั้งแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-Pandemic หรือ โรคประจำถิ่น ซึ่งต้องมีการหารือในที่ประชุม