วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 มีรายงานกรณี “ขึ้นค่าไฟ” โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งที่ 53/2566 (ครั้งที่ 881) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) และมีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีขายปลีก สำหรับเรียกเก็บในงวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
การพิจารณาปรับค่าเอฟทีในงวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 นี้ กกพ. คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้า และขณะเดียวกันต้องไม่กระทบต่อศักยภาพความมั่นคงในการบริการพลังงานของ กฟผ. โดยเป็นการปรับให้สะท้อนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และคืนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ กฟผ. รับภาระไว้บางส่วน เพื่อให้ กฟผ. มีสภาพคล่องในการดำเนินงานและชำระคืนเงินกู้เท่าที่จำเป็น
- สส.ปูอัด เปิดใจครั้งแรก หลังย้ายเข้าสังกัดใหม่ พรรคไทยก้าวหน้า
- ทำความรู้จัก พรรคไทยก้าวหน้า ที่ สส.ปูอัด เข้าซบ มีนโยบายอะไรบ้าง
- ขั้นตอนการลงทะเบียนแก้ไขหนี้นอกระบบ ด้วยแอปฯ ThaID เริ่ม 1 ธ.ค. 66
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ขอเชิญชวนประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันประหยัด การใช้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ 5 ป. ได้แก่ ปลด หรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อใช้งานเสร็จ ปิด หรือดับไฟเมื่อเลิกใช้งาน ปรับ อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศา เปลี่ยน มาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ปลูก เพื่อเป็นร่มเงาลดอุณหภูมิให้กับตัวบ้าน จะสามารถช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพง
ทั้งนี้ หลังจากที่ทางรัฐบาลมีนโยบายเรื่องการลดราคาพลังงาน ทั้งในรูปแบบราคาน้ำมัน หรือ คาราค่าไฟฟ้า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ในที่ประชุมมีมติจะลดเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย จากเดิมราคา 4.45 บาทต่อหน่วย โดยเริ่มตั้งแต่งวดบิลเดือนกันยายน 2566 ซึ่งการขึ้นค่าไฟครั้งนี้ จะมีราคาสูงกว่าของเดิมก่อนเริ่มนโยบาย 0.23 บาทต่อหน่วย และหากนับตั้งแต่รอบบิลที่เริ่มโครงการ จะลดค่าไฟไปเพียงประมาณ 4 เดือนเท่านั้น