เคยหนัก 100 กก. คุณแม่ยังสาวลดน้ำหนัก “เพื่อลูก” ทึ่งหายไปครึ่งร่าง เปิดสูตรการกินทั้ง 3 มื้อ ที่ปรึกษาแพทย์มาแล้ว
“ไบรอันนา ซิโรตา” นักดนตรีวัย 26 ปี ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถูกเลี้ยงดูมาโดยคุณยายตั้งแต่เด็กๆ และมีนิสัยการกินที่มากเกินไป กระทั่งโตเป็นสาวแล้วน้ำหนักพีกสุดอยู่ที่ประมาณ 100 กิโลกรัม จนกระทั่งหลังคลอดลูกเพื่อให้ตามทันลูกและหวังว่าจะได้อยู่กับลูกนานขึ้น เธอจึงตัดสินใจเริ่มลดน้ำหนักและลดน้ำหนักได้ 100 ปอนด์ (ประมาณ 45 กิโลกรัม) ใน 2 ปี
“ตอนเด็กๆ แม่ของฉันสนับสนุนให้กินอาหารเพื่อสุขภาพเสมอ แต่ทุกๆ ฤดูร้อน เมื่อฉันอยู่กับคุณย่า ฉันก็สามารถกินอะไรก็ได้ที่อยากกิน และกลับมาบ้านด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาก”
เจ้าตัวเล่าว่า โรคอ้วนทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มากมาย รวมถึงโรคเบาหวาน อาการปวดเข่า ปวดหลัง ปวดสะโพก และหายใจไม่ทัน อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้เธอตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่ปี 2565 กลับไม่ใช่อาการที่กล่าวมาทั้งหมด แต่เป็นลูกสาวที่อยู่ในวัยเริ่มหัดเดิน
“ฉันเคยมีปัญหาเรื่องการกินจุบจิบเป็นเวลานาน และการตั้งครรภ์ก็ทำให้ฉันมีน้ำหนักขึ้นสูงสุด นอกจากนั้น การรับมือกับความท้าทายหลังคลอด และการปรับตัวเข้ากับชีวิตในฐานะคุณแม่มือใหม่ ยังทำให้การเริ่มต้นลดน้ำหนักของฉันยากขึ้นไปอีก ”
“ฉันอยากจะเดินตามลูกสาว เล่นกับเธอ กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเธอ แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เมื่อมีน้ำหนักเกิน ฉันอยากอยู่ใกล้เธอให้นานที่สุด ไม่ใช่แค่เพื่อเธอเท่านั้น แต่เพื่อสามีของฉันด้วย”
เธอเริ่มต้นลดน้ำหนักและลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงอย่างมาก อย่างไรก็ดี เมื่อลดน้ำหนักได้ประมาณ 14 กิโลกรัม ก็ประสบกับภาวะน้ำหนักคงที่ ดังนั้นจึงไปพบแพทย์เพื่อกำหนดแผนการลดน้ำหนักที่เข้มงวด “แพทย์จ่ายยาเฟนเทอร์มีนซึ่งเป็นยาช่วยลดความอยากอาหารให้ฉัน และให้ฉันปฏิบัติตามแผนการลดน้ำหนักอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตและอาหารแคลอรีสูง”
เธอเริ่มทานไข่ต้มสุก 2 ฟอง ไก่งวง 2 ชิ้น เป็นอาหารเช้าทุกวัน หลังจากนั้นไม่นานก็จะดื่มโปรตีนเชคเพื่อเสริมเข้าไป สำหรับมื้อกลางวันจะทานสลัด และดื่มโปรตีนเชคด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนอาหารเย็นเน้นทานผักและเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
นอกจากการควบคุมอาหารแล้ว เธอยังออกกำลังกายอย่างจริงจัง และตอนนี้หลังจากลดน้ำหนักลงมาเหลือ 45 กิโลกรัม เธอสามารถพาลูกสาวไปเดินเล่นและเล่นพิลาทีสด้วยกันได้แล้ว ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่รูปร่างของเธอที่เปลี่ยนไป แต่โครงสร้างใบหน้าก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เมื่อส่องกระจกถึงกับอุทานว่า “คนนี้คือใคร” แน่นอนว่าเธอรู้สึกมั่นใจและมีความสุขอย่างมาก