วานนี้ (29 ก.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Tikky Tikky” โพสต์ภาพหลายรูป พร้อมกับเรื่องราว โดยระบุว่า ตนเอารถเข้าศูนย์เพื่อนเช็กระยะ ตอนประมาณ 8.00 น. ศูนย์โทรมาประมาณบ่าย 2 ให้มาดูรถ ปรากฎว่ารถโดนชนพังยับทั้งด้านหน้า และด้านหลัง กระจก และไฟหน้าแตกยับ จนเธอตกใจแล้วบอกไปว่า ‘เอ้า รถเป็นงี้ไปได้ รถใหม่ ๆ’
ทั้งนี้ เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. 2565 ตนอุตส่าห์ยังไม่ดำเนินคดีอะไร จะซ่อมให้จนกว่าจะพอใจ ถามหน่อยถ้าเป็นรถคุณคุณจะเอาไหม นัดคุยสามรอบ ยื่นขอเสนอเสียเปรียบทุกรอบ เจ้าของศูนย์ปรึกษาทนายได้ ตนที่เป็นผู้เสียหาย หลังจากนี้ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเช่นกัน
หลังจากที่ภาพและข้อความดังกล่าวถูกโพสต์และถูกแชร์ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตหลายท่านต่างเข้ามาคอมเมนต์ จี้ให้ทางศูนย์ออกมาตอบคำถาม และรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งหลายคนมองตรงกันว่า สภาพเสียหายขนาดนี้ ควรเปลี่ยนคันใหม่ให้มากกว่า เพราะต่อให้ซ่อมอย่างไรก็ไม่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถาม คุณจิราพร ศรีสุทธี เจ้าของรถ เล่าว่า ได้นำรถไปเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะ แต่ศูนย์แจ้งว่ารถ 2 ปี แล้ว ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่และเปลี่ยนผ้าเบรก ซึ่งยอดขณะนั้น 10,000 บาท โดยช่างนัดรับรถช่วง 16.00 น. ในวันเดียวกัน
เมื่อใกล้ถึงช่วงรับรถ พนักงานโทรแจ้งให้เข้ามาที่ศูนย์พร้อมบอกว่ารถเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติการ เมื่อเข้าไปศูนย์ก็เห็นสภาพรถตามภาพ แต่พนักงานของศูนย์ย้ำชัดว่าที่รถพังเพราะเกิดอุบัติเหตุภายในศูนย์ระหว่างปฏิบัติการไม่ได้เอาไปชนข้างนอก
ขณะนั้นทางศูนย์บอกว่าจะซ่อมรถของลูกค้าให้ดีที่สุด ต่อมาวันที่ 12 ก.ย. ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สามพราน และเข้าไปศูนย์เพื่อไกล่เกลี่ย สำหรับข้อเสนอของเจ้าของรถ คือ ให้ทางศูนย์ปิดยอดคันเก่าให้ เพราะผ่อนไฟแนนซ์อยู่ และหารถคันใหม่ที่เป็นสเป็คเดิมมาให้ และจะส่งยอดต่อเอง
ไกล่เกลี่ยรอบแรก ผู้จัดการเป็นคนมาพูด แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเขาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนตัดสินใจ ไกล่เกลี่ยรอบสอง ทางศูนย์ยืนยันคำเดิมว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้ แต่ทางศูนย์ได้อัพเดตความคืบหน้าว่าประกันได้เข้ามาดูเรื่องการซ่อม มีการถอดชิ้นส่วนจะซ่อมแล้ว
จากนั้นก็นัดให้เข้ามาเจรจาอีกครั้ง จากนั้นเมื่อเข้าไปอีกรอบเขาบอกว่า ทางศูนย์ไม่อนุมัติให้ซ่อม เพราะมองว่าซ่อมแล้วไม่คุ้ม ถ้าซ่อมประเมินราคาประมาณ 3 แสนกว่าบาท เอาไปขายก็ 3 แสนกว่าบาทเหมือนกัน ไม่คุ้ม ก็เลยไม่อนุมัติ
ต่อมาไกล่เกลี่ยรอบที่ 3 ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ซึ่งครั้งนี้เป็นผู้บริหาร โดยเจ้าของรถ บอกว่า ครั้งนี้แย่มาก แย่ยิ่งกว่าผู้จัดการที่ลงมาพูด แต่ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเกรงจะกระทบต่อรูปคดี บอกได้เพียงแค่ว่า อีกฝั่งแจ้งว่า “ยินดีชดใช้ให้เราได้แค่นี้ รับได้ไหม ถ้ารับไม่ได้ ขอปรึกษาทนายของทางศูนย์ เชิญคุณกลับบ้านไปก่อน”
ส่วนตัวเมื่อได้ไกล่เกลี่ยกับผู้บริหาร รับไม่ได้กับสิ่งที่เขาพูด และจากนี้ยืนยันว่าจะไม่มีการไกล่เกลี่ยแล้ว และจะดำเนินคดี หากจะไกล่เกลี่ยหรือเจรจาให้ผ่านทางทนายความเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก : เรื่องเล่าเช้านี้
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY