
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังเดินหน้าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการบุกไปรัวถล่ม “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด แบบสุดยับเยิน 5-0 ในการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในเกมนี้เกิดอะไรขึ้นไปติดตามกัน
1. ฝันร้ายนัดประเดิม ราอิเอรีClaudio RanieriWatford v Liverpool – Premier League / Richard Heathcote/GettyImages
ตลอด 90 นาทีในเกมนี้ต้องบอกว่าเป็น ลิเวอร์พูล เหนือกว่าในทุกกระบวนท่าอย่างชัดเจนชนิดที่เรียกได้ว่าเจ้าถิ่นไม่มีอะไรมาเทียบได้เลย ซึ่งการมาของนายใหญ่คนใหม่ คลาดิโอ รานิเอรี ในเกมนี้ดูเหมือนจะยังไม่สามารถยกระดับผลงานได้ตามที่แฟน ๆ คาดหวังแถมยังดูย่ำแย่กว่าเกมก่อน ๆ ในยุคของ ซิสโก้ อีกต่างหาก เกมรับที่มีปัญหาชัดเจนแทบทุกจุด อีกทั้งเกมรุกก็แทบไม่มีจังหวะสร้างสรรค์การเข้าทำที่มีลุ้นเลยตลอด 90 นาที จะเรียกว่าเกมนี้เป็นร้ายในนัดประเดิมสนามของอดีตนายใหญ่ เลสเตอร์ รายนี้เลยก็ว่าได้ ต้องมาลุ้นกันว่ากุนซือวัยย่าง 70 ปีรายนี้จะสามารถสร้าง วัตฟอร์ด ให้กลับมาเป็นอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้เหมือนที่เคยประสบความสำเร็จกับ จิ้งจอกสยาม มาแล้วในอดีต
2. “ลิโอเนล ซาลาห์”Mohamed Salah, Ben FosterWatford v Liverpool – Premier League / Justin Setterfield/GettyImages
นัดนี้แม้ บ็อบบี้ ฟิร์มิโน จะยิงแฮททริกได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แต่ดูเหมือนว่าไฮไลท์ทั้งหมดจะจับจ้องไปอยู่ที่ โม ซาลาห์ ที่วันนี้เล่นได้อย่างโดดเด่นแถมทำประตูสุดสวยด้วยการลากเดี่ยวหลบกองหลังแทบทั้งแผงเข้าไปยิงอย่างงดงาม จนแฟน ๆ ลิเวอร์พูล หลายคนเรียกเขาว่าเป็น ลิโอเนล ซาลาห์ เป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตามผลงานอันโดดเด่นนี้นอกจากจะต้องยกเครดิตว่ามาจากความยอดเยี่ยมของดาวเตะชาวอียิปต์เองแล้ว ฟอร์มการเล่นสุดบ่อของแนวรับ วัตฟอร์ด โดยเฉพาะ แดนนี โรส ดูจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ ซาลาห์ เล่นได้อย่างเฉิดฉายสุด ๆ ในเกมวันนี้นั่นเอง
3. แดงเดือด กำลังรอพวกเขาอยู่Jurgen KloppWatford v Liverpool – Premier League / Richard Heathcote/GettyImages
หลังจบเกมนี้ ลิเวอร์พูล จะมีโปรแกรมหนัก ๆ ถึง 2 นัดติดต่อกันในรอบ 5 วัน โดยเริ่มจากคืนวันอังคารที่พวกเขาต้องบุกไปถึงกรุง มาดริด ประเทศสเปน เพื่อทำศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มกับ แอตเลติโก มาดริด ที่ผลงานในฟุตบอลยุโรปก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ยิ่งไปกว่านั้นสุดสัปดาห์ที่จะถึงพวกเขามีคิวบุกเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด รังเหย้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อทำศึกแดงเดือดแรกของฤดูกาล 2021/22 แน่นอนว่าทั้งสองเกมนี้คือโปรแกรมที่สำคัญสุด ๆ ของ พลพรรคหงส์แดง เลยก็ว่าได้ ต้องมาดูกันว่า “เร้ดวอร์” ในปีนี้จะมีอะไรสนุก ๆ ให้เราได้ติดตามกันหรือไม่ วันอาทิตย์หน้า 22.30 น ห้ามพลาด !