เกินไปไหม? พ่อค้าเดินไม่กี่ก้าวขอซื้อน้ำแข็งร้านตรงข้าม ถูกจับฝืนเคอร์ฟิว ต้องนอนคุก

Home » เกินไปไหม? พ่อค้าเดินไม่กี่ก้าวขอซื้อน้ำแข็งร้านตรงข้าม ถูกจับฝืนเคอร์ฟิว ต้องนอนคุก
เกินไปไหม? พ่อค้าเดินไม่กี่ก้าวขอซื้อน้ำแข็งร้านตรงข้าม ถูกจับฝืนเคอร์ฟิว ต้องนอนคุก

จากกรณีที่มีเพจข่าวสำนักต่างๆ นำเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่ง ที่โพสต์ร้องเรียนความอึดอัดถึงการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางใหญ่ ว่าเมื่อคืนวันพุธที่ 14 ก.ค.64 เวลาประมาณ 21.00 น. ผู้โพสต์ได้ให้ญาติที่อาศัยอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ภายในซอยหมู่บ้านพระปิ่น 3 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ลงมาดูหมูสดที่แช่ไว้ในตู้แช่ เกรงว่าน้ำแข็งจะไม่พอ หมูจะเสีย จึงได้ให้ญาติเดินไปร้านของชำ ใกล้อะพาร์ตเมนต์ ห่างกันประมาณ 10 เมตร เพื่อซื้อน้ำแข็งมาใส่

แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ปกครองจับส่ง สภ.บางใหญ่ ดำเนินคดี และไม่มีเงินจำนวน 20,000 บาทเพื่อใช้ประกันตัว จึงต้องติดคุกหนึ่งคืน และถูกส่งฟ้องศาลในวันที่ 15 ก.ค. 64 เสียค่าปรับไปจำนวน 2,500 บาท

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว หลังมีเพจข่าวหลายสำนักนำเสนอเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่าที่หน้าร้านขายของชำไม่มีชื่อ เลขที่ 57 หมู่ 15 ซอยพระปิ่น 3 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบ น.ส.ศรัณย์ญา (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี อาชีพขายหมูและ นายปัญญา อายุ 43 ปี พ่อค้าหมูที่ถูกจับในคืนเกิดเหตุ และนายวิมาน อายุ 46 ปี พยานเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

จากการตรวจสอบพบว่าอะพาร์ตเมนต์ ที่นายปัญญา พ่อค้าหมูที่ถูกชุดฝ่ายปกครองอำเภอบางใหญ่จับกุมในคืนดังกล่าวนั้น ตั้งอยู่ริมถนนในซอย ห่างจากร้านของชำประมาณ 15 เมตร ส่วนร้านขายของชำเป็นอาคารชั้นเดียว 2 ห้อง ด้านหน้ามีประตูเหล็กปิดกั้น มีลานหน้าร้านสำหรับลูกค้ามาซื้อสินค้า โดย น.ส.ศรัณย์ญา ผู้โพสต์เปิดเผยว่า วันที่เกิดเรื่องนั้น ตนได้ใช้ให้นายปัญญา อดีตสามี ที่พักอาศัยอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ดังกล่าว ลงไปดูเนื้อหมูสดที่ตนแช่ใส่ถังไว้ท้ายรถกระบะที่จอดอยู่ลานจอดรถของอะพาร์ตเมนต์ เนื่องจากเกรงว่าน้ำแข็งที่แช่เนื้อหมูสดจะไม่เพียงพอ และจะทำให้เนื้อหมูมีกลิ่น ขายไม่ได้

ซึ่งนายปัญญาก็ลงจากห้องมาตอน 21.00 น. แต่คิดว่าเป็นเหตุจำเป็น คงไม่เป็นไร นายปัญญาจึงเดินไปที่ร้านขายของชำใกล้ๆ กัน เพราะรู้จักกันกับเจ้าของร้าน เมื่อไปถึงก็พบว่าร้านปิดประตูลงมาแล้ว เหลือแต่ช่องประตูที่มองเห็นกัน นายปัญญาจึงได้ขอซื้อน้ำแข็งเพื่อจะนำไปแช่เนื้อหมูสด แต่ทางเจ้าของร้านไม่ได้ขายให้ เพราะเลยเวลาที่ถูกบังคับให้ปิดร้านแล้ว

ระหว่างที่ยืนคุยเพื่อขอซื้อน้ำแข็งอยู่สักพักหนึ่ง ก็มีรถกระบะของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองขับตรงเข้ามาจอดที่หน้าร้าน และควบคุมตัวนายปัญญากับเจ้าของร้านในทันที โดยเขย่าประตูลูกกรงแล้วบังคับให้เจ้าของร้านขายของเปิดประตูออกมาเพื่อควบคุมตัว พร้อมกับยึดเมโมรีการ์ดจากกล้องวงจรปิดของร้านขายของชำไปด้วย โดยไม่ยอมฟังคำชี้แจงใดๆ เลย

น.ส.ศรัณย์ญา เล่าต่อว่า หลังนายปัญญาถูกจับที่หน้าร้านตรงนั้น ได้พยายามอธิบายให้ทางเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ซึ่งทราบว่าเป็นปลัดอำเภอฟังว่า เขาลงจากอะพาร์ตเมนต์มาดูเนื้อหมูสดที่แช่ไว้เพื่อเตรียมไว้ขาย แต่เมื่อเห็นว่าน้ำแข็งมีน้อยไปเกรงว่าจะทำให้เนื้อหมูมีกลิ่น จึงเดินมาที่ร้านขายของชำที่อยู่ใกล้กันไม่กี่ก้าว ก็มาถูกจับโดยไม่ฟังเหตุจากประชาชนเลย แม้กระทั่งนายปัญญายืนยันว่าอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ตรงนี้จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจฝ่าฝืนเคอร์ฟิว เพราะคิดว่ามีเหตุผลจำเป็น

จนกระทั่งพาเจ้าหน้าที่ไปที่ห้องเพื่อเอาบัตรประชาชนมายืนยัน แต่ทางชุดปลัดอำเภอชุดนี้ก็ไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆ จับกุมขึ้นรถไปที่อำเภอ ก่อนจะเรียกค่าประกันตัวคนละ 2 หมื่นบาท นายปัญญาจึงโทรศัพท์หาตน ให้ตนหาเงินมาประกันตัว แต่ตนเองก็ไม่มีเหมือนกัน อย่าว่าแต่เงิน 2 หมื่นบาทค่าประกันตัวเลย เงินติดตัวสักพันสำหรับตนยังหายากเลย ในยุคที่ค้าขายได้แค่ประคองชีพและจำกัดเวลาขาย

จนกระทั่งนายปัญญาถูกนำตัวส่งเข้าห้องขังที่ สภ.บางใหญ่ เพราะไม่มีเงินประกันตัว และถูกนำตัวส่งฟ้องศาลในเช้าวันถัดไป ถูกศาลปรับไปอีก 2,500 บาท ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าจะเป็นความผิดขนาดนั้น แค่คนทำมาหากินไปดูของที่จะเตรียมไว้ขาย ไม่ได้ขี่รถแว้นป่วนเมือง แต่ทำไมต้องถูกจับ ถูกปรับ ขนาดนี้ ไม่มีเงินประกันก็ต้องก็ต้องนอนห้องขัง แบบนี้เป็นการซ้ำเติมคนหาเช้ากินค่ำหรือไม่ ทำไมไม่ตักเตือนกันก่อน เจอเป็นครั้งที่สองที่สามจะไม่ว่าเลย ทำไมไม่ใช่รัฐศาสตร์นำหน้านิติศาสตร์ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายปกครองแท้ๆ

ทางด้านนายปัญญา พ่อค้าหมูที่ถูกจับกุมจากคำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงเคอร์ฟิว กล่าวว่า ไม่คิดว่าแค่การลงจากห้องพักมาแล้วเดินมาหาน้ำแข็งเพื่อจะไปแช่ของ เพียงไม่นานตนถึงกับถูกปลัดอำเภอกับพวก ที่ยกกันมาประมาณ 10 คน จับดำเนินคดีในทันที ทั้งที่แค่ตักเตือนในเบื้องต้นก็พอ เพิ่งจะมีประกาศออกมาบังคับใช้ คนหาเช้ากินค่ำบางคนยังปรับตัวไม่ทันเลย ยิ่งคนทำมาหากินในยุคนี้ ค้าขายก็อยากลำบากแล้วยังจะถูกดำเนินคดีเรียกเงินประกันตัวอีก 2 หมื่นบาท ไม่มีเงินประกันก็เข้าห้องขัง ซึ่งรู้สึกแย่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอบางใหญ่ชุดนี้มาก

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ