หากได้อ่านหรือฟังความคิดเห็นของนักเตะวัย 16 ปี ที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ และเป็นประตูประวัติศาสตร์ในฐานะนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ส่งบอลเข้าไปกองสู่ก้นตาข่าย เขาคงจะพูดถึงเรื่องความฝันอันยิ่งใหญ่และอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าแน่นอน 100%
แต่มันจะดีกว่าไหม หากเราฟังสิ่งที่ออกจากปากเขาในอีก 17 ปีต่อมา ?
วันที่เขาเป็นนักเตะของทีมระดับดิวิชั่น 4 ของประเทศ อายุย่าง 33 ปี และกลายเป็นนักเตะที่น้อยคนจะจำชื่อได้ … ถึงตอนนี้เรื่องเล่าอาจมีอะไรที่น่าสนใจกว่านั้นเยอะ
เกิดอะไรขึ้นจากวันที่เขาขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง สู่วันที่เขากำลังจะแขวนสตั๊ดโดยแทบไม่มีอะไรใกล้เคียงกับสิ่งที่ตนเองเคยคาดหวังในวันนี้
นี่คือเรื่องราวของ เจมส์ วอห์น … เจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ
ประตูเปลี่ยนชีวิต
ก่อนฤดูกาล 2004-05 จะเริ่มขึ้น เอฟเวอร์ตัน ทำในสิ่งที่จำใจมากที่สุดครั้งหนึ่งของสโมสร เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ เด็กท้องถิ่นที่โตมากับทีมเยาวชน ตัดสินใจหันหลังให้กับทีมและเลือกย้ายไปอยู่ทีมที่ประสบความสำเร็จมากกว่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากดีลนั้นเกิดขึ้น ทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงินได้แต่บอกตัวเองว่า พวกเขายังคงต้องก้าวต่อไป แม้ไร้คนที่ถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็น “ตำนาน” ของสโมสรในอนาคต
Photo : www.thesun.co.uk
“เวย์น รูนี่ย์ โคตรสุดยอดแบบที่สุด ผมเห็นเขาในทีมเยาวชนต่างบอกกันเป็นเสียงเดียว ‘เรามีเพชรเม็ดงามอยู่ที่นี่แล้ว’ ผมเคยคิดว่า อลัน เชียเรอร์ จะเป็นกองหน้าที่รับมือยากที่สุดในประเทศ แต่ผมเปลี่ยนใจ เวย์น รูนี่ย์ คือคน ๆ นั้นแน่นอน” เดวิด มอยส์ กล่าวถึง รูนี่ย์ ในวัย 16 ย่าง 17 ปี ซึ่งมันชัดเจนว่าการเสียเขาไป ทำให้ เอฟเวอร์ตัน ต้องหาเพชรเม็ดใหม่มาแทนที่
ระบบเยาวชนของ เอฟเวอร์ตัน ในเวลานั้น พร้อมจะป้อนนักเตะดี ๆ ขึ้นมาหลายคน เดวิด มอยส์ เองก็มีโอกาสมอบให้นักเตะในชุดเยาวชนเสมอ เขาลงไปดูเกมและเลือกหยิบนักเตะอย่าง แจ็ค ร็อดเวลล์, วิคเตอร์ อนิเชเบ, โฮเซ แบ็กซ์เตอร์ และ แดน กอสลิง เพื่อผลักดันขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ แน่นอนว่ารายชื่อเหล่านี้อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายนัก แต่ที่แน่ ๆ เด็กของศูนย์ฝึกแห่งนี้รู้ดีว่าเมื่อพวกเขาทำได้ดี พวกเขาจะได้โอกาสที่รอคอย ซึ่ง เจมส์ วอห์น เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
วอห์น ในสมัยเยาวชนนั้นได้รับการจับตามองไม่ต่างจาก รูนี่ย์ เขาเป็นดาวรุ่งในตำแหน่งกองหน้าที่โดดเด่นเกินกว่าเด็กรุ่นเดียวกันหลายเท่า แบกอายุได้หลายปี แม้จะแตกต่างนิดหน่อยในแง่สไตล์การเล่น แต่การเป็น “Fox in the box” หรือเพชฌฆาตในกรอบเขตโทษของเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ได้รับการันตีไม่แพ้ใคร เขาอาจจะไม่สามารถยิงไกลหรือลงต่ำมาสร้างสรรค์เกมได้แบบที่ รูนี่ย์ ทำ แต่หากเป็นเรื่องการใส่สกอร์ในกรอบเขตโทษ วอห์น คือเบอร์ 1 ในรุ่นเยาวชนของแท้แน่นอน
นอกจากนี้ ในเรื่องของสปีด วอห์น เคยได้รับการกล่าวขานว่าวิ่งเร็วที่สุดในรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปีของประเทศอังกฤษ โดยสถิติวิ่ง 100 เมตรของเขาที่ทำไว้คือ 11.5 วินาที และเมื่อเอาความสามารถมารวม ๆ กัน ทำให้เขาได้สิทธิ์ขึ้นชุดใหญ่ก่อนใครในรุ่น ซึ่ง เดวิด มอยส์ มอบโอกาสนั้นให้ในฤดูกาล 2004-05
Photo : www.thenationalnews.com
“ผมไม่เคยคิดนะว่าการที่ รูนี่ย์ ย้ายไปจะเป็นโอกาสของผมบ้าง ผมเพิ่งผ่านทีมอคาเดมีได้ไม่นาน แต่เมื่อใครหลายคนเข้ามา ผมก็ได้แต่รอดูว่าที่สุดแล้วพวกเขาจะพาผมไปอยู่ที่ไหน ผมถูกเรียกไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ช่วงปรีซีซั่น จากนั้นก็ได้รับโอกาสจาก เดวิด มอยส์”
“เขาเป็นคนที่ให้โอกาสเด็ก ๆ ในทีมเยาวชนหลายคนมาก และผมเป็น 1 คนที่ได้โอกาสที่ดี ก่อนวันนั้นจะมาถึง ผมมีอาการบาดเจ็บรบกวนแต่เขาก็ยังรอผมเสมอ เขารอให้ซ้อมกับทีมอีกครั้ง เรียกจังหวะการเล่นให้ได้ จากนั้นเขาก็ให้ผมลงสนามนัดแรก”
มันคือเกมกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2005 ในเกมวันนั้น เดวิด มอยส์ ใส่ชื่อ วอห์น ลงในม้านั่งสำรอง และทีมของเขาเล่นดีเกินคาด สกอร์ขาดลอยตั้งแต่ช่วง 70 นาทีของเกม ดังนั้นถ้าคุณอยากจะรู้ว่าเด็กมันห้าวพอสำหรับฟุตบอลผู้ใหญ่หรือไม่ ทางเดียวที่จะรู้ได้คือ “ส่งพวกเขาลงสนามซะ” ซึ่ง มอยส์ ก็ทำเช่นนั้น
วอห์น ถูกส่งลงไปช่วงท้ายเกมเพื่อหวังว่าจะทำอะไรสักอย่าง แสดงบางสิ่งออกมาให้แฟนบอลและ มอยส์ เห็น ซึ่งเมื่อเขาได้โอกาสนั้น เขาก็ทำได้ทันที วอห์น เข้าชาร์จประตูจ่อ ๆ เป็นลูกปิดท้ายของเกม ลูกยิงง่าย ๆ ที่ทำให้ เอฟเวอร์ตัน ชนะ พาเลซ 4-0 แต่มันทำให้เขาขึ้นหน้า 1 ของทุกสำนักพิมพ์
Photo : www.liverpoolecho.co.uk
“สถิติถูกทำลายแล้ว โดย เจมส์ ‘เดอะ วอนเดอร์’ วอห์น” นี่คือสิ่งที่หน้าเว็บไซต์ของ เอฟเวอร์ตัน พาดหัว เขาทำลายสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ ด้วยวัย 16 ปี 271 วัน (สถิติเดิม คือ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ทำไว้กับ ลีดส์ เมื่อปี 2002 ด้วยวัย 16 ปี 356 วัน) นอกจากนี้ยังทำลายสถิติของสโมสรที่ทำไว้โดย เวย์น รูนี่ย์ (ทำไว้เมื่อปี 2002 ด้วยวัย 16 ปี 360 วัน) อีกด้วย … หลังจากเกมจบลง เขารู้แล้วว่าชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
วอห์น เติบโตภายใต้ปีกของรุ่นพี่ซีเนียร์ที่เขาเคารพจนถึงทุกวันนี้ อลัน สตั๊บบ์ส, เดวิด เวียร์, ดันแคน เฟอร์กูสัน แค่พูดชื่อก็รู้แล้วว่าของจริง แดนกลางมี มิเกล อาร์เตตา กับ ทิม เคฮิลล์ องค์ประกอบของทีมในตอนนั้นทำให้เขาโตขึ้นมาก และเรียนรู้ที่จะกล้าเล่น กล้าแสดงออกโดยไม่กลัวความผิดพลาด
“ผมเด็กที่สุดในทีม แต่ทุกคนให้การดูแลอย่างดี มันทำให้ผมไม่กลัวใคร ครั้งหนึ่งผมโดนคู่แข่งอัดจนร่วง แต่ ดันแคน เฟอร์กูสัน เดินทาหาผมแล้วบอก ‘ไม่ต้องห่วงไอหนูวอนนี่ เดี๋ยวข้าจะเอาคืนให้แเกเอง’ นั่นคือช่วงเวลามีความสุขที่สุดเท่าที่ผมจำได้” วอห์น กล่าว
โลกแห่งความจริง
ฝันจะสวยงามขนาดไหน แต่มันก็ไม่ใช่ความจริง วอห์น อาจจะไม่ได้ฝันไกลว่าเขาจะโตไปเป็น เวย์น รูนี่ย์ หรือเป็นหอกเบอร์ 1 ทีมชาติอังกฤษอะไรเทือกนั้น แต่ที่แน่ ๆ เขาอยู่ที่ เอฟเวอร์ตัน และเขาก็กล้าพูดว่าความหวังของเขาคืออยู่ในหน้าประวัติศาสร์ของทีม ๆ นี้
Photo : www.skysports.com
วอห์น เป็นที่รักของนักเตะรุ่นพี่ ห้าวเป้งเมื่อถึงเวลา เคารพนอบน้อม ไม่อวดโอ้เมื่อลงสนาม ที่สำคัญเขาเคารพความรู้สึกและแคร์แฟนบอลเอฟเวอร์โตเนี่ยนเสมอ … ทุกคนรักเขา แต่นี่คือโลกฟุตบอล ความรักไม่ช่วยทำให้เขาเป็นผู้ชนะเสมอไป
วอห์น โตมาในยุคที่ฟุตบอลกำลังเปลี่ยนไป นักเตะอายุน้อยพร้อมถูกใช้งานแบบเต็มที่แม้กล้ามเนื้อหรือสรีระจะยังโตไม่เต็มวัยก็ตาม มันเหมือนเรื่องราวของ ไมเคิล โอเว่น อดีตนักเตะระดับโคตรดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ที่ถูกใช้งานหนักตั้งแต่อายุยังน้อย จนอาการบาดเจ็บถามหา ต้องพักสลับเจ็บ ออด ๆ แอด ๆ ในเวลาต่อมา ซึ่งทั้งคู่เป็นบอลสายสปีด ควบหน้าตั้งพอ ๆ กัน และยังได้รับการปะทะจากคู่แข่งอยู่บ่อย ๆ
เอ็นหัวเข่าของ วอห์น เริ่มมีปัญหาตอนที่เขาอายุ 18 ปี จากนั้นมันก็แวะเวียนมาทักทายเขาอยู่เรื่อย เขาขึ้น ๆ ลง ๆ จะเด่นก็ไปไม่สุด จะพูดว่าดังก็ไม่ใช่ จะพูดว่าดับก็ไม่เชิง และฟุตบอลสมัยนี้รอใครสักคนไม่ได้ …
เอฟเวอร์ตัน เริ่มซื้อนักเตะตำแหน่งกองหน้าเข้ามาหลากหลายคนในภายหลัง หลุยส์ ซาฮา, ยาคูบู, แอนดี้ จอห์นสัน หรือ เจมส์ บีทตี้ ก้าวสู่ทีม และทำให้โอกาสของ วอห์น น้อยลง เผลอแวบเดียวเขาก็อายุ 22 ปี และมันถึงเวลาที่ วอห์น ต้องรู้ตัวเองว่าช่วงเวลาฮันนีมูนได้จบลงแล้ว เขาจะต้องย้ายทีมเพื่อหาโอกาสลงสนามมากกว่านี้ เพราะที่ กูดิสัน พาร์ค ดูเหมือนว่าทุกคนจะค่อย ๆ ลืมเขาไปแล้ว
วอห์น ถูกปล่อยตัวให้กับหลากลายสโมสรยืมตัวใช้งาน ทั้ง ดาร์บี้ เคาน์ตี้, เลสเตอร์ ซิตี้ และ คริสตัล พาเลซ ซึ่งในช่วงกับ พาเลซ นั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มจะดีขึ้นมาอีกครั้งหลังจากยิงไป 9 ลูก และส่งทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นเขาเริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะกลับมาพร้อมสำหรับลีกสูงสุดของประเทศอีกครั้ง
Photo : www.cpfc.co.uk
“ในตอนที่คุณยังเด็ก เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอ มันเหมือนกับเป็นโมเมนตัมมากกว่า ผมไม่คิดว่าร่างกายของผมจะส่งผลอะไรมากมายนัก ผมไม่กลัวที่จะต้องท้าทายร่างกายตัวเอง และไม่คิดว่าอาการบาดเจ็บจะครอบงำฝีเท้าของตัวเอง … ซึ่งผมว่าผมคิดผิดนะ” วอห์น ในวัย 32 ปี เล่าแบบตกผลึกตามสไตล์คนที่ผ่านโลกมาแล้ว
“นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมเสียหายหลายแสนเลย ผมน่าจะปรับเปลี่ยนอะไรเสียบ้างในเวลานั้นเพื่อถนอมร่างกายไม่ให้มันต้องเจ็บบ่อย ๆ แต่ก็นะ … คุณยังหนุ่ม ยังมีประกายไฟในทุก ๆ ที่ ดังนั้นผมเลยไม่เปลี่ยนแปลงการเล่นของตัวเอง ผมวิ่งเต็มสปีด และมันทำให้ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยในตอนท้ายของเรื่อง”
เขากลับมายัง เอฟเวอร์ตัน ในปีที่แตกต่าง แต่สถานการณ์ของเขากับทีมยังคงเดิม วอห์น ยังคงต้องรอโอกาสในฐาะนะตัวเลือกอันดับ 3 อันดับ 4 ของทีม แม้กระทั่งในยามที่กองหน้าเจ็บกันหมด นักเตะกองกลางอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ หรือแม้กระทั่ง ทิม เคฮิลล์ ยังถูกดันขึ้นมาเล่นเป็นกองหน้าก่อนเขา … นั่นทำให้ วอห์น ถึงบางอ้อว่า เขาควรจะออกไปจากที่นี่เพื่อรักษาอาชีพของตัวเองเอาไว้ได้แล้ว
ในปี 2011 วอห์น ตัดสินใจบอกลา เอฟเวอร์ตัน และย้ายไปอยู่กับ นอริช ซิตี้ ที่เล่นในลีกรองของประเทศ ทว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องผิดหวัง เพราะหลังจากลงสนามได้ 5 เกม วอห์น ก็เจ็บยาว 4 เดือน จากนั้นเขาก็กลายเป็นกองหน้าจอมพเนจร ย้ายไปอยู่กับอีกหลากหลายทีมทั้ง ฮัดเดอร์สฟิลด์, เบอร์มิงแฮม, บิวรี่, ซันเดอร์แลนด์ และ วีแกน
มันชัดเจนว่าแม้แต่การยืนระยะในลีกรองของประเทศก็ยังทำไม่ไหว ร่างกายของ วอห์น เจ็บออด ๆ แอด ๆ ตลอดอาชีพค้าแข้ง และมันทำให้เขาต้องรับสภาพกับความจริงที่เจอ เขารู้แล้วว่าตัวเองต้องอยู่บนโลกแห่งความจริง และลืมความเสียใจ ผิดหวัง ทิ้งไปให้หมด
Photo : www.examinerlive.co.uk
“ผู้คนมักจะถามผมเสมอในทุกวันนี้ … เสียใจไหมที่ย้ายออกจากเอฟเวอร์ตัน ผมคิดแล้วก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ผมรักที่นั่นมาก เอฟเวอร์ตัน อยู่ใกล้หัวใจของผมเสมอ แต่บางครั้งชีวิตคนเรามันก็ต้องเป็นแบบนี้ หาที่ทางให้เหมาะสมกับตัวเอง ตัวผมก็ต้องการโอกาสลงสนาม ซึ่งหากจะบอกว่าอะไรน่าเสียดายที่สุด มันน่าจะเป็นที่ผมไม่เลือกเล่นให้กับ พาเลซ ในระยะยาวมากกว่า”
“ผมออกจาก พาเลซ ไปที่ นอริช มันทำให้ภาพเก่า ๆ ย้อนมาทันที ตอนนั้นผมมีความสุขดีที่ลอนดอน ได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากเพื่อน ๆ และแฟนบอล มันคงจะดีมากหากผมยังอยู่ที่นั่น ผมคิดว่าผมน่าจะประสบความสำเร็จ แฟน ๆ ก็รักผม และแน่นอน แฟนพาเลซยังอยู่ในความทรงจำของผมจนทุกวันนี้” วอห์น กล่าวถึงสิ่งที่เสียใจที่สุด
การต้องย้ายสโมสรแทบจะปีต่อปี เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปตามที่ต่าง ๆ จากเหนือสุดยันใต้สุดของประเทศ เปลี่ยนเพื่อนร่วมทีม เปลี่ยนเจ้านาย และเปลี่ยนสไตล์การเล่น ทำให้ วอห์น ไม่สามารถจับจุดของตัวเองได้อีกต่อไป เขาหาจังหวะของตัวเองไม่ค่อยได้ และจากนั้นการเป็นเจ้าของสถิติ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาอีกต่อไป แม้แต่ทีมใน เดอะ แชมเปียนชิพ ก็ยังไม่กล้าเสี่ยงกับนักเตะอย่างเขา
เพราะคนเราแก้อดีตไม่ได้
หลังจากปี 2015 เป็นต้นมา เจมส์ วอห์น เปลี่ยนสถานะจากนักเตะดาวรุ่งระดับประเทศ กลายเป็นนักเตะระดับเกรดลีกวัน (ดิวิชั่น 3 ของประเทศ) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวนประตูของเขาแย่มากเมื่อเล่นในลีกรอง แต่มันดีขึ้นเมื่อเขาเลิกฝืนและถอยตัวเองลงมาเล่นให้กับทีมอย่าง บิวรี่ ซึ่งในฤดูกาล 2016-17 ถือเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิต วอห์น ซัดไป 24 ประตู เป็นรองดาวซัลโวของลีกวัน
Photo : www.burytimes.co.uk
วอห์น กลายเป็นมือปืนที่ไว้ใจได้ในลีกที่ไม่ต้องใช้พลังความฟิตของกล้ามเนื้อมากมายนัก หัวเข่าของเขายังเป็นปัญหา แต่เมื่อมาเล่นในระดับดิวิชั่น 3 และ ดิวิชั่น 4 มันช่วยให้เขาเจ็บปวดน้อยลงได้ ทั้งในแง่ของร่างกาย และสภาพจิตใจที่ดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาหลายปี
ในวันนี้ วอห์น เป็นดาวยิงหมายเลข 1 ของ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ทีมในลีกทู ระดับดิวิชั่น 4 ของประเทศ ที่นี่เขากลับมาเป็น วอห์น คนเดิม คนที่เดินลงสนามและได้รับความคาดหวังจากแฟน ๆ และยังคงเดินหน้าทำประตูอย่างต่อเนื่อง
ในวัย 32 ย่าง 33 ปี วอห์น ยิงไปได้ 19 ประตูจาก 31 นัดที่ลงสนามทุกรายการ ด้วยการยอมรับความเป็นไปของชีวิตที่เกิดขึ้น และมองโลกในแง่ดี ไม่ย้อนกลับไปเสียดายอดีตที่แก้ไขไม่ได้
Photo : www.tranmererovers.co.uk
“มันแฟร์ดีที่จะพูดว่าอาการบาดเจ็บทำทุกอย่างที่ผมมีพังไป แต่มีคนเคยบอกผมว่า หากผมยังลงเล่นต่อไป มันอาจจะทำให้ผมได้รับบาดเจ็บต่อไปเรื่อย ๆ แต่จงอย่าเสียศรัทธาที่มีต่อตัวเอง … เดินหน้าต่อไป แม้จะเสียดายไปบ้างกับหลายสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ตอนนี้ผมไม่มีอะไรจะพูดนอกจากการขอบคุณทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และทุกโอกาสที่ผมได้รับ” วอห์น ว่าเช่นนั้น
ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะดีตามที่คาดหวังเอาไว้ แต่เมื่อเข้าสู่เดือน มีนาคม 2021 อาการบาดเจ็บที่เขากลัวก็กลับมาเยือนอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กแล้ว ร่างกายไม่สามารถรักษาตัวเองได้เร็วพอ วอห์น ในบั้นปลายอาชีพต้องเข้ารับการผ่าตัดเข่าและทำให้เขาต้องพักยาวไปแบบไม่มีกำหนด และมันชัดเจนว่าสภาพร่างกายที่เปราะมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เส้นทางของเขากำลังจะจบลงในไม่เร็วก็ช้า … แบบที่เขาเองก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
Photo : www.skysports.com
“หลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเริ่มมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งอดีต อย่างน้อยประสบการณ์ของผมก็น่าจะนำมาบอกเล่ากับคนอื่น ๆ ได้ ลูกชายของผมในวัย 13 ปี คิดว่าตัวเองจะโตมาเป็นนักฟุตบอล … เขาหมกมุ่นอยู่กับมัน และหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น มันก็ฮาดีที่เห็นลูกชายดูคลิปนักเตะอย่าง เนย์มาร์ ในยูทูบ แต่พอผมถามว่าไม่ดูคลิปพ่อบ้างเหรอ เขาก็ส่ายหัวไม่สนใจผมซะงั้น” วอห์น กล่าวอย่าง อารมณ์ดี
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะดีจะร้าย สุดท้ายผมก็ขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงนี้ ฟุตบอลพาผมไปหลากหลายแห่ง และผมคงไม่พูดว่าผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแน่นอน” วอห์น กล่าวทิ้งท้าย