วันที่ 6 มี.ค.เอเอฟพีรายงานว่า เกาหลีใต้ประกาศแผนชดเชยค่าเสียหายแก่เหยื่อที่ตกเป็นแรงงานบังคับหรือแรงงานทาสของญี่ปุ่น เพื่อมุ่งยุติวงจรชั่วร้ายในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและส่งเสริมความสัมพันธ์เพื่อต่อต้านเกาหลีเหนือ ด้านทางการญี่ปุ่นยินดีต่อการประกาศดังกล่าว
เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงในเวลาที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ซึ่งเดินหน้าขยายโครงการอาวุธนิวเคลียร์ฝ่าฝืนการลงโทษทางเศรษฐกิจหรือแซงก์ชั่นของสหประชาชาติหรือยูเอ็น
แต่ความสัมพันธ์เกาหลีและญี่ปุ่นบาดหมางในประเด็นที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างโหดร้ายในช่วงปีค.ศ.1910-1945หรือปีพ.ศ.2453-2488 ซึ่งทำให้สองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงตั้งแค่ค่าชดเชยไปจนถึงคำขอโทษ
ข้อมูลจากทางการเกาหลีใต้ระบุว่า ชาวเกาหลีราว 780,000 คนถูกญี่ปุ่นเกณฑ์ไปเป็นแรงงานบังคับในช่วง 35 ปีที่ญี่ปุ่นยึดครองเกาหลีใต้ ซึ่งจำนวนแรงงานบังคับเหล่านี้ยังไม่รวมหญิงชาวเกาหลีที่ถูกทหารญี่ปุ่นบีบบังคับให้เป็นทาสกาม
นายปาร์ก จิน รมว.กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า แผนของเกาหลีใต้คือ จะนำเงินบริจาคผ่านมูลนิธิจากหลายบริษัทใหญ่ของเกาหลีใต้ที่ได้กำไรจากข้อตกลงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับญี่ปุ่นในปีค.ศ.1965 และตามข้อตกลงนี้ รวมถึงเงินอุดหนุนและเงินให้กู้ยืมดอกเบี้ยถูกเพื้อใช้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ราว 800 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 27,000 ล้านบาท ซึ่งเกาหลีใต้จะใช้เงินกำไรดังกล่าวไปเป็นค่าชดเชยให้เหยื่อและครอบครัว
นายจินหวังว่า ญี่ปุ่นจะตอบสนองในแง่บวกเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ของเกาหลีใต้ในวันนี้ ซึ่งมีความช่วยเหลือโดยสมัครใจจากบริษัทญี่ปุ่นและคำขอโทษที่ลึกซึ้ง “ผมเชื่อว่าวงจรชั่วร้ายควรถูกทำลายลงเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่เป็นผลประโยชน์ระดับชาติ” นายจินกล่าว
นายโยชิมาซะ ฮายาชิ รมว.การต่างประเทศญี่ปุ่นยินดีต่อแผนดังกล่าว และระบุว่า สื่อมวลชนจะช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ดี นายฮายาชิระบุอีกว่า รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนแถลงการณ์ปีค.ศ.1998 หรือปีพ.ศ.2541 ซึ่งรวมถึงการขอโทษต่อเกาหลีใต้ด้วย
ขณะเดียวกันสื่อญี่ปุ่นรายงานว่า นายยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้อาจเยือนญี่ปุ่นในไม่ช้านี้ หลังการประกาศแผนนี้ในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ทางการเกาหลีใต้ระบุว่า จะระงับการร้องเรียนญี่ปุ่นต่อองค์การการค้าระหว่างประเทศหรือ WTO อีกด้วย
……………..