เกาหลีใต้ช็อก ครูสาวเรียกพบนักเรียนหญิง 8 ขวบ ก่อนสังหารด้วยมีดอย่างโหดเหี้ยม รู้วีรกรรมผู้ก่อเหตุแล้วอึ้ง ทำไมยังได้สอนเด็กอยู่อีก

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เวลา 17.40 น. ตำรวจพบเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และครูหญิงวัย 40 ปี หมดสติอยู่ในห้องโสตทัศนศึกษา ของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ เด็กหญิงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตในเวลา 19.00 น. ด้านครูผู้ก่อเหตุได้สารภาพในเวลาต่อมาว่าเธอเป็นคนลงมือฆ่าเด็กหญิง  ก่อนพยายามปลิดชีพตัวเองแต่ไม่สำเร็จ 

ขณะนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจที่แน่ชัด แต่มีรายงานว่าครูคนนี้มีอาการทางจิตที่ไม่มั่นคง เคยใช้ความรุนแรงต่อเพื่อนร่วมงาน และเพิ่งลาพักรักษาโรคซึมเศร้า ตำรวจเปิดเผยว่าผู้ก่อเหตุ “ไม่ได้เจาะจงเหยื่อเป็นใคร” และมีความตั้งใจ “จะพาเด็กที่กลับบ้านช้าคนสุดท้ายเข้ามาในห้อง แล้วบีบคอและใช้มีดแทง” โดยเธอซื้อมีดจากร้านค้าใกล้โรงเรียนก่อนก่อเหตุ

ครูคนนี้ ตั้งใจจะลาพักรักษาตัว 6 เดือน แต่กลับมาทำงานหลังจากพักเพียง 20 วัน โดยได้รับใบรับรองจากจิตแพทย์ว่าเธอสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เธอทุบคอมพิวเตอร์ในห้องพักครู และใช้กำลังกับเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่ได้ถูกแยกตัวออกจากนักเรียน

แม้ว่าห้องโสตทัศนศึกษาจะอยู่ห่างจากห้องดูแลเด็กเพียง 20 เมตร แต่โรงเรียนใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงกว่าจะพบศพเด็กหญิง สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่มีกล้อง CCTV ภายในอาคาร

พ่อเด็กเปิดใจทั้งน้ำตา

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ มีเพื่อนนักเรียนและผู้ปกครองจำนวนมากเดินทางมาร่วมไว้อาลัยที่อาคารจัดงานศพภายในโรงพยาบาลคอนยาง (KonYang University Hospital) ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงม พ่อของเด็กกล่าวด้วยความโศกเศร้าว่า

“ร่างของลูกสาวผมเต็มไปด้วยบาดแผลจากคมมีดหลายสิบแห่ง โดยเฉพาะบริเวณลำคอและรักแร้ แสดงให้เห็นว่าคนร้ายโหดเหี้ยมเพียงใด”

พ่อของเด็กยังกล่าวอีกว่า “ครูที่โรงเรียนฆ่านักเรียน แล้วพ่อแม่คนไหนจะกล้าส่งลูกไปเรียนอีก? ครูประจำชั้นเป็นคนฆ่าลูกสาวของผม”

เขากล่าวว่า ลูกเดินเข้าไปหาครูอย่างไว้ใจ เพราะครูเป็นคนเรียกเธอ “ผมเคยสอนลูกเสมอว่า ‘พ่อแม่กับครูที่โรงเรียนคือซูเปอร์ฮีโร่ที่จะปกป้องลูก ถ้ามีใครเรียกต้องระวังตัวไว้’ แต่สุดท้ายครูกลับเป็นคนฆ่าเธอ”

หลังเกิดเหตุ มีรายงานว่า ครูหญิงผู้ก่อเหตุได้รับการรักษาโรคซึมเศร้ามาตั้งแต่ปี 2018 ทำให้เกิดกระแสกังวลว่าเธออาจอ้างว่าอยู่ในภาวะ “วิกลจริต” เพื่อขอลดโทษ พ่อของฮานาแสดงความกังวลว่า “นี่เป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุด”

พ่อของเด็กยังเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายป้องกันเหตุซ้ำรอย “ลูกสาวกลายเป็นดวงดาวที่กำลังเล่นสนุกอยู่บนท้องฟ้า แต่ผมไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร”