วันที่ 9 ก.พ. รอยเตอร์ รายงานว่า เกาหลีเหนือ อวดอ้างว่า เป็นหนึ่งในประเทศไม่กี่แห่งในโลกที่ยิงอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธขั้นสูงในภาคสนาม และเป็นประเทศเดียวที่ยืนหยัดต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาด้วยการ “เขย่าโลก” ด้วยการทดสอบขีปนาวุธ
ความตึงเครียดระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจากการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือระลอกล่าสุด ซึ่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติห้ามมานาน เดือนมกราคมของศักราชใหม่นี้เป็นเดือนแห่งการทดสอบขีปนาวุธ มีการยิงอย่างน้อย 7 ครั้ง รวมถึง ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (ไฮเปอร์โซนิก) ชนิดใหม่ที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้
ในจำนวนการทดสอบดังกล่าวมี ฮวาซ็อง-12 ซึ่งเป็นการยิงครั้งแรกตั้งแต่ปี 2560 เป็นขีปนาวุธทิ้วตัวพิสัยกลาง ที่สามารถโจมตีดินแดนสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิกได้
แถลงการณ์จากกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือระบุว่า การทดสอบอาวุธหลายระลอกตั้งแต่ปีใหม่เป็นแสดงถึง “ความสำเร็จอันน่าทึ่ง” ที่เสริมความแข็งแกร่งแก่ “การป้องปรามสงคราม” ของเกาหลีเหนือ
แถลงการณ์ยังอ้างถึง ฮวาซอง-15 ขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) พิสัยไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งเกาหลีเหนือยิง เป็นครั้งแรกตั้งแต่การทดสอบครั้งแรกในปี 2560 และเชื่อว่ามีพิสัยที่จะส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปทุกที่ในสหรัฐอเมริกา
“ในโลกวันนี้ที่หลายประเทศเสียเวลาในการจัดการกับสหรัฐอเมริกาด้วยการยอมจำนนและการเชื่อฟังอย่างมืดมัวตาบอด มีเพียงประเทศของเราบนโลกใบนี้ที่สามารถเขย่าโลกด้วยการยิงขีปนาวุธไปแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐในพิสัยของสหรัฐ มีมากกว่า 200 ประเทศในโลก แต่เพียงไม่กี่ประเทศมีระเบิดไฮโดรเจน ขีปนาวุธข้ามทวีป และขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก” แถลงการณ์ระบุ
ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐให้ความเห็นต่อผู้สื่อข่าว ย้ำคำพูดในอดีตว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อ เกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้เกาหลีเหนือกลับไปเจรจา ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเหนือเพิกเฉยมาตลอด
โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังเรียกว่าเกาหลีเหนือเป็นภักคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และความพยายามในการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลก
“สหรัฐอเมริกามีความสนใจอย่างมากในการยับยั้ง (เกาหลีเหนือ) ป้องกันการยั่วยุหรือการใช้กำลัง การจำกัดการเข้าถึงโปรแกรมอาวุธที่อันตรายที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใดคือการรักษาชีวิตคนอเมริกัน กองกำลังของเรา และพันธมิตรของเราอย่างปลอดภัย” โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าว