เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมานั้นทางสื่อประเทศเกาหลีใต้ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับแคมเปญที่ประเทศไทยแบนเกาหลี จนแฮทแทก ‘แบนเกาหลี’ เคยขึ้นเทรน X มาอย่างดุเดือดเพราะเข้าประเทศยาก และถูกส่งกลับ ถึงแม้มีประวัติ เข้า เกาหลีใต้มาแล้วหลายครั้ง มีตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เอกสารจองโรงแรมที่พักครบ แต่ก็ถูกส่งกลับ เข้าเกาหลีใต้ไม่ได้
ผู้ใช้เฟซบุ๊คเพจ World Forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความว่า ตลอดสัปดาห์นี้ลงสื่อหลายสื่อ จากแคมเปญแบนเกาหลี เพราะเข้าประเทศยาก และถูกส่งกลับ ถึงแม้มีประวัติ เข้า เกาหลีใต้มาแล้วหลายครั้ง มีตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เอกสารจองโรงแรมที่พักครบ แต่ก็ถูกส่งกลับ บางรายยังไม่ทันได้ให้เอกสารแต่กลับถูกปฏิเสธเอาดื้อ ๆ แต่บางคนกลับได้เข้าไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่เอกสารอะไรเหมือนกันแทบทุกอย่าง บางรายแทบไม่ต้องยื่นเอกสารก็ให้เข้า จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่าใช้เกณฑ์อะไรตัดสิน
- ร.อ. ธรรมนัส ประกาศอิสรภาพ 6 ปี ลั่น! รับใช้คนคนหนึ่งมาพอแล้ว
- อุ๊ปส์! ประวิตร เผยรายชื่อ รตม.พปชร. หลุดโผ ครม. หลังรัฐบาลแจ้งไม่เอา
- กต.ตร.หนุ่มได้ประกันตัว หลังยิง จ.ส.อ. ตายในผับ ญาติขอความเป็นธรรม
ทางสื่อของเกาหลีใต้ยังได้มีการยกคำพูดที่น่าตกใจของนักท่องเที่ยวไทยพูดว่า “ประเทศจีน กับ ประเทศญี่ปุ่น ดีกว่า มีสถานที่น่าสนใจมากกว่าเกาหลีใต้”
จากสถิติ ครึ่งปีแรก นักท่องเที่ยวไทยมาเยือนเกาหลีใต้ มีจำนวน 168,328 คน หากเทียบ ก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (ไวรัสโคโรนา 19) จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาเยือนเกาหลีใต้มีจำนวนสูงถึง 571,610 ราย ระบบการอนุมัติการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ (K-ETA) ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเลิกเดินทาง K-ETA ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคนไทยบางส่วนเข้าประเทศเกาหลีใต้ โดยแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว และอยู่อย่างผิดกฎหมาย จึงมีมาตรการคัดกรองที่เข้มงวดในปีที่แล้ว ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยถูกปฏิเสธการเข้าประเทศเพิ่มขึ้น และการคว่ำบาตรการท่องเที่ยวเกาหลีแพร่กระจายบนเครือข่ายสังคมโซเซียล