ฮุนเซน – วันที่ 7 ม.ค. เอเอฟพี รายงานว่า นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เยือนเมียนมาตามกำหนดการ 2 วัน ระหว่างวันที่ 7-8 ม.ค. เพื่อหารือกับพล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา และนายกรัฐมนตรีเมียนมา นับเป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกที่เยือนเมียนมาตั้งแต่เหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 ที่คณะนายพลยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จี และสิ้นสุดระบอบประชาธิปไตยของประเทศนานกว่าทศวรรษ
นายฮุนเซน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) วาระปี 2565 เดินทางด้วยเครื่องบินถึงกรุงเนปยีดอ พร้อมนำหน้ากากอนามัย 3 ล้านชิ้น และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ เป็นของขวัญแก่รัฐบาลทหารเมียนมา
นายฮุนเซน กล่าวว่า จะใช้การหารือกับพล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ไหล่ เพื่อกดดันฉันทามติ 5 ข้อ ที่ผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนตกลงกันเมื่อปีที่แล้วเป็นหนทางในการปลดชนวนวิกฤตเมียนมา ซึ่งมีพลเรือนมากกว่า 1,400 ราย เสียชีวิตจากการถูกกองทัพปราบปรามผู้เห็นต่าง และทำให้กองกำลังต่อต้านเผด็จการจำนวนมากผุดขึ้นมาทั่วประเทศ
ฉันทามติ 5 ข้อ ประกอบด้วย ต้องยุติความรุนแรงในเมียนมาทันที โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด, ต้องหารือที่สร้างสรรค์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน, ผู้แทนพิเศษประธานอาเซียนจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกเป็นสื่อกลางกระบวนการหารือภายใต้การช่วยเหลือของเลขาธิการอาเซียน, อาเซียนจะมช่วยเหลือมนุษยธรรมผ่านศูนย์ประสานงานเพื่อการช่วยเหลือมนุษยธรรมเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติของอาเซียน และผู้แทนพิเศษรวมถึงคณะผู้แทนจะเดินทางเยือนเมียนมาเพื่อพบกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ก่อนการเยือนเมียนมา นายฮุนเซน เรียกร้องการหยุดยิง โดยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหยุดความรุนแรงที่ทำลายประเทศมาเกือบ 1 ปี แม้ว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการในเมียนมาเรียกร้องให้นายฮุนเซนยกเลิกการเยือน เนื่องจากทำให้ระบอบเผด็จการทหารเมียนมามีความชอบธรรม แต่นายฮุนเซนขอให้อดทน โดยยืนยันว่าการเยือนครั้งนี้อาจเป็นผลดี
ด้านคณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพ (ซีอาร์พีเอช) สภานิติบัญญัติของเมียนมาที่ถูกคณะรัฐประหารโค่นล้ม ออกแถลงการณ์ว่า การเยือนดังกล่าวจะไม่นำมาซึ่งประโยชน์และประชาชนเมียนมาจะโกรธเคืองต่อการแสดงท่าทีเข้าหารัฐบาลทหาร
ขณะที่องค์การนิรโทษกรรมสากลประณามการเยือนครั้งนี้ด้วยว่าอาจก่อเกิดผลเสียมากกว่าผลดี “หากนายฮุนเซนต้องการช่วยจริงๆ ควรยกเลิกการเยือนครั้งนี้และนำอาเซียนดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อจัดการสถานการณ์สิทธิมนุษยชนเลวร้ายของเมียนมาดีกว่าหลงระเริงไปกับท่าทีว่างเปล่า” เอเมอร์ลินน์ กิล แห่งแอมเนสตี้ ระบุในแถลงการณ์